เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข้อความแพร่กระจายบนโซเชียลมีเดียที่อ้างว่า หมาล่าหรือพริกแห้งที่นำเข้าจากประเทศจีนนั้นมีการใช้โซดาไฟเป็นส่วนผสม และนำไปผสมกับสีย้อมผ้าเป็นให้ได้สีสันที่ดูน่ารับประทาน นอกจากนี้ยังระบุว่าการบริโภคหมาล่าทำให้เกิดอาการชาในปาก ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อตับและส่วนอื่นๆ ของร่างกาย และยังอ้างว่าญี่ปุ่นและไต้หวันได้สั่งห้ามนำเข้าหมาล่าแล้ว ในขณะที่คนไทยยังคงบริโภคต่อไป

ข้อกล่าวอ้างบนโซเชียลมีเดีย

เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้ใช้ Facebook โพสต์ข้อความระบุว่า “หมาล่า หรือพริกแห้งที่ส่งมาจากเมืองจีน เป็นพริกที่เก็บเกี่ยวโดยใช้สารโซดาไฟ พ่นให้ใบเหี่ยวแห้ง แล้วร่อนเอาพริกออกมา บดแล้วผสมกับสีย้อมผ้า เวลากินจะรู้สึกชาๆที่ปาก เป็นอันตรายต่อตับและร่างกายทุกส่วน ประเทศญี่ปุ่นประเทศไต้หวัน เขาห้ามนำเข้ามาขายแล้ว แต่คนไทย ยังเอามากินกันอยู่” พร้อมโพสต์รูปภาพเครื่องปรุงรสยี่ห้อหนึ่งประกอบ

ที่มา | ลิงก์ถาวร

โดยข้อความดังกล่าวมีการแชร์ต่ออย่างกว้างขวาง

ตรวจสอบข้อเท็จจริง

เราได้ทำการค้นหาข้อมูลและรายงานเกี่ยวกับการตรวจพบโซดาไฟและสีย้อมผ้าในเครื่องปรุงหมาล่าที่นำเข้ามาในไทย แต่ก็ไม่พบรายงานใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

และล่าสุด ในวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา บริษัทฟ้าไทย เจ้าของผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงหมาล่าที่ถูกนำรูปไปใช้ประกอบข้อความข้างต้น ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยยืนยันว่า วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต “น้ำซุปหมาล่าเข้มข้น ตราฟ้าไทย” ไม่มีสารเคมีอันตรายใดๆ สามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัย ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย. และ มาตรฐาน GHPs และ HACCP

ลิงก์ถาวร

หมาล่าทำมาจากอะไร ทำไมจึงมีรสเผ็ดชา?

หมาล่า คือเครื่องเทศรสเผ็ดที่มีต้นกำเนิดมาจากมณฑลเสฉวน ประเทศจีน โดยคำว่า “หมา (麻)” หมายถึงอาการชาที่ปลายลิ้น ในขณะที่คำว่า “ล่า (辣)” หมายถึง รสชาติเผ็ด

ส่วนประกอบที่ทำให้หมาล่ามีรสชาติเผ็ดจนลิ้นชา มาจากเครื่องเทศที่มีชื่อว่า ฮวาเจียว หรือพริกไทยเสฉวน ที่มีสารประกอบที่เรียกว่าไฮดรอกซี อัลฟา ซันชูล (Hydroxy-Alpha-Sanshool) ที่ให้ฤทธิ์ชาเมื่อรับประทาน

การผลิตหมาล่า: เครื่องปรุงรสหมาล่า เป็นการผสมผสานของเครื่องเทศหลายชนิด เช่น ฮวาเจียว พริกแห้ง กระเทียม ขิง และส่วนผสมที่มีกลิ่นหอมอื่นๆ ความรู้สึกชาเกิดขึ้นเมื่อไฮดรอกซี อัลฟา ซันชูลในพริกฮวาเจียวทำปฏิกิริยากับต่อมรับรสในปาก

หมาล่าในญี่ปุ่นและไต้หวัน: แม้ว่าญี่ปุ่นและไต้หวันจะมีกฎระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหารและการนำเข้าก็ตาม แต่ก็ไม่มีการห้ามนำเข้าหรือจำหน่ายอาหารที่มีหมาล่าแต่อย่างใด แม้ในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จะมีข่าวการตรวจพบสี Sudan Red ซึ่งไม่อนุญาตให้นำมาให้ผสมอาหารในพริกจากจีนบางยี่ห้อ แต่ก็มีการเรียกคืนสินค้าที่ปนเปื้อน ไม่ได้ห้ามจำหน่ายสินค้าประเภทดังกล่าวแต่อย่างใด อาหารที่มีหมาล่าเป็นส่วนประกอบ เช่น หมาล่าทั่ง ก็ยังได้รับความสนใจและความนิยมในทั้งสองประเทศ และยังมีจำหน่ายทั่วไป ดูตัวอย่างร้านหมาล่าที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่นและในไต้หวันที่นี่และที่นี่

หมาล่ามีอันตรายหรือไม่?

ศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับอันตรายจากการรับประทานหมาล่า โดยระบุว่า การกินอาหารเผ็ดเกินไป (อย่างเช่น น้ำซุปหมาล่า) ก็เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เนื่องจากน้ำซุปหมาล่าทำจากน้ำมันและวัตถุดิบที่เข้มข้น และเครื่องเทศหลายชนิด เพื่อความเผ็ดชา คนจีนไม่ได้ทำน้ำซุปหมาล่ามาเพื่อซด จะใช้จุ่มลวกเนื้อและอาหารอื่นๆ เท่านั้น คนจีนจึงมีหม้อคู่ 2 ฝั่ง เพื่อมีน้ำซุปใสไว้ซดคู่กับหมาล่า ดังนั้นหากมีอาการท้องเสีย หรือเสาะท้องเมื่อรับประทานน้ำซุปหมาล่าจึงเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ เช่นเดียวกับการรับประทานอาหารรสเผ็ดอื่นๆ (ที่มา)

สรุป

ข้อกล่าวอ้างว่าหมาล่าที่นำเข้ามาประเทศไทยมีโซดาไฟนั้นเป็นข้อมูลที่ชวนให้เข้าใจผิด ไม่มีรายงานการตรวจพบโซดาไฟในเครื่องปรุงหมาล่าที่นำเข้ามาในไทย ความเผ็ดร้อนและฤทธิ์ชาของหมาล่ามาจากพริกเสฉวน ไม่ใช่สารเคมีอันตรายใดๆ และหมาล่ายังคงเป็นที่นิยมในไต้หวันและญี่ปุ่น ไม่ได้มีการแบนตามข้อกล่าวอ้างแต่อย่างใด

ติดตามช่องทางอื่นๆ ของเรา เพื่อไม่ให้พลาดทุกข้อเท็จจริง

Facebook | Twitter | Instagram | LINE | TikTok | WhatsApp

Avatar

Title:ข้อความไวรัลอ้างว่า ‘หมาล่ามีโซดาไฟ’ ไม่เป็นความจริง

Fact Check By: Cielito Wang

Result: Misleading