โซเชียลตั้งข้อสงสัย เลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ทำไมรหัสไปรษณีย์ไม่ตรงกับที่อยู่?

การเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญ โดยจะเป็นเหตุการณ์ที่กำหนดทิศทางของประเทศไทยในอนาคต ดังนั้นการศึกษาและทำความเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมัครในพื้นที่ รวมถึงกฎเกณฑ์ต่างๆ ก่อนวันเลือกตั้งจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก นอกจากนี้ การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือการตีความข้อมูลแบบผิดๆ บนโซเชียลมีเดียก็อาจสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล และล่าสุด เราพบข้อมูลที่อาจสร้างความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการลงทะเบียนเลือกนอกราชอาณาจักรของคนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ โดยเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กได้โพสต์ภาพซองไปรษณีย์สำหรับส่งบัตรเลือกตั้งกลับประเทศไทย โพสต์ข้อความระบุว่ารหัสไปรษณีย์ที่อยู่ของตน ไม่ตรงกับรหัสที่หน้าซองไปรษณีย์ พร้อมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของ กกต. และระบบการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยได้โพสต์ภาพซองไปรษณีย์ใส่บัตรเลือกตั้ง พร้อมโพสต์ข้อความว่า: “เป็นคนที่อยู่ต่างประเทศที่ได้สิทธิ์เลือกตั้งและอยากใช้สิทธิ์นะ แต่รู้สึกไม่อยากเลือกผู้แทนเขตตัวเองยังไงไม่รู้ ตะหงิดตั้งแต่รหัสไปรษณีย์แล้ว บ้านฉัน 57250 มาแต่ไหนแต่ไร เพิ่งมาเปลี่ยนตอนจะเลือกตั้งเรอะ ตอนแรกก็เฉยๆคิดว่าไม่มีอะไร แต่พอเห็นคลิปในติ๊กต้อก ถึงได้รีบมาเปิดดูของตัวเอง ถึงได้รู้ว่ารหัสไปรษณีย์ไม่ตรงกับเขตตัวเองและจังหวัดตัวเองเลย 57003 มายังไงก่อน เลขนี้ไม่แม้แต่จะมีในจังหวัดตัวเองเลยด้วยซ้ำ ไหงมาโผล่ที่บัตรเลือกตั้งฉันล่ะ เราคนนึงที่ยอมไม่เลือกผู้แทนเขตตัวเองเพราะกลัวการโกง แค่รหัสไปรษณีย์คุณยังให้เรามาผิด เราจะกล้าเชื่ออะไรคุณได้อะ ปล. ใครที่อยู่ต่างประเทศแล้วอยากใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ให้ดูดีๆนะว่าตรงตามเขตเราไหม แล้วคิดให้ดีๆนะว่าควรทำยังไง รบกวน กกต ช่วยตรวจสอบด้วยนะคะ #เลือกตั้ง2566” Source | Archive นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ออกมาทวีตแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับกรณีรหัสที่หน้าซองบัตรเลือกตั้งไม่ตรงกับรหัสไปรษณีย์ในที่อยู่ของตนเช่นเดียวกัน […]

Continue Reading

แบงก์ชาติปฏิเสธ ข่าวลืองบประมาณ 9 แสนล้าน เป็น “เงินบุญ”

ข้อมูลจากโซเชียลมีบทบาทสำคัญในการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลในสังคมออนไลน์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก แต่บางครั้งข้อมูลเหล่านี้ก็อาจจะเป็นข้อมูลที่ชวนเข้าใจผิดหรือเป็นข้อมูลเท็จ โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาจากการผสมรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง ซึ่งอาจทำให้เกิดการสร้างข้อมูลเท็จใหม่ขึ้นมาได้ ซึ่งผลกระทบจากการสร้างข้อมูลลักษณะนี้อาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดและส่งผลกระทบต่อสังคมและการแลกเปลี่ยนข้อมูลในอนาคตได้ เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กแชร์ข้อความที่ระบุว่าธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาชี้แจงต่อสภาว่าเงิน 9 แสนล้านเป็นเงินที่ได้รับพระราชทานจากในหลวงรัชกาล 10 โดยข้อความดังกล่าวมีเนื้อหาว่า: “โซเชียลแห่แชร์คลิป ผู้ว่าธปท.แจงสภาฯ 9 แสนล้านไม่ใช่เงินกู้ แต่เป็น “เงินบุญ” จากผู้ปิดทองใต้ฐานพระ…. และเงินกว่า 3หมื่นล้านที่ประยุทธจองวัคซีนล็อตแรก ก็เป็นเงินของ ในหลวง ร.10 เช่นกัน #แชร์เลย แชร์เลย แชร์ให้มากที่สุด ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ ท่านใดอยากได้คลิปข่าวทรงพระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์ช่วยเรื่องวิกฤติโควิดครับเชิญพิมพ์ที่กูลเกิ้ลเลยครับมีเยอะมาก พระองค์ท่านถูกเข้าใจผิดมาตลอด ผมเองก็เป็นครับ จนกระทั่งท่านได้ครองราชย์ ถึงได้รู้ว่าพระองค์มิได้ต่างจากพระราชบิดาเลย เพียงแต่ทรงงานกันคนละแบบ เพราะท่านไม่ทรงประสงค์จะเป็นข่าว ขอพระองค์ทรงพระเจริญพระเจ้าข้า #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #ผู้ปิดทองหลังพระ #แชร์ความดีไม่มีความผิด” Source | Archive โดยข้อความดังกล่าวได้ถูกแชร์ต่ออย่างแพร่หลายบนเฟซบุ๊ก โดยเราพบว่าข้อความดังกล่าวมีการเผยแพร่มาตั้งแต่ปี 2564 โพสต์ข้อกล่าวอ้างเดียวกัน ที่เผยแพร่ตั้งแต่ปี 2564 Source | Archive […]

Continue Reading

ทวีตอ้างว่าธนาธรไม่พอใจผลเลีอกตั้ง อบจ. แท้จริงแล้วเป็นภาพตัดต่อ

เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือนกับการเลือกตั้งใหญ่ของประเทศไทย ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้ ท่ามกลางการหาเสียงที่เป็นไปอย่างคึกคัก เราก็พบว่ามีข้อมูลเท็จที่สร้างขึ้นเพื่อโจมตีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพร่กระจายบนโซเชียลมีเดียให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง และล่าสุดเราพบว่ามีการใช้ข้อมูลเท็จที่แพร่กระจายตั้งแต่ปี 2563 เพื่อโจมตีพรรคการเมืองอีกครั้ง ข้อกล่าวอ้างบนโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งโพสต์ภาพข้อความที่อ้างว่ามาจากบัญชีทวิตเตอร์ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยในภาพมีข้อความว่า “ผลการเลือกตั้ง อบจ. นี้ แสดงให้เห็นว่าคนไทยยังไม่ยอมเปิดใจ และยังไม่พร้อมสำหรับอนาคตที่ดีกว่า” Source | Archive จากการตรวจสอบพบว่าภาพทวีตตั้งกล่าวมีการแพร่กระจายบนโซเชียลตั้งแต่เมื่อปี 2563 และนายธนาธรก็ได้ออกมายืนยันตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2563 แล้วว่าภาพทวีตดังกล่าวเป็นข่าวปลอม (อ่านข่าวได้ที่นี่ | Archive) (Archive) และเมื่อมีการนำภาพทวีตดังกล่าวมาเผยแพร่อีกครั้งในฤดูกาลเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้ นายธนาธรก็ได้ออกมายืนยันอีกครั้งว่าทวีตดังกล่าวเป็นการตัดต่อ ในวันที่ 24 เมษายน (Archive) โดยนายธนาธรได้ระบุในทวีตชี้แจงว่า “ขอชี้แจงว่าข้อความที่ปรากฏในภาพนี้ “ไม่เป็นความจริง” นะครับ แต่เป็น “ภาพตัดต่อ” เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง ผมขอยืนยันว่า […]

Continue Reading

เรื่องราวเบื้องหลังคำกล่าวอ้างถึงวิถีชีวิตที่ฟุ่มเฟือยของเซเลนสกี

ในยุคปัจจุบัน ข่าวเท็จมักถูกใช้เป็นอาวุธในการโน้มน้าวความคิดเห็นของประชาชนและทำร้ายฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ โดยสามารถใช้ในการรณรงค์ทางการเมืองและด้านความขัดแย้งระหว่างประเทศเพื่อก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง สร้างความขัดแย้ง และแม้แต่ปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง ท่ามกลางไฟความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่างรัสเซียและยูเครน ข่าวเท็จที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายเป็นพิเศษต่อประเทศที่ถูกข่าวเท็จโจมตี และเมื่อเร็วๆ นี้ เราพบข้อกล่าวอ้างที่กำลังแพร่กระจายบนโซเชียลมีเดีย โดยอ้างว่าโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีของยูเครน เดินทางไปโปแลนด์ด้วยรถไฟส่วนตัวที่หรูหรา คำกล่าวอ้างทางโซเชียลมีเดีย ผู้ใช้โซเชียลมีเดียได้แชร์ข้อกล่าวอ้างว่าที่ระบุว่า ประธานาธิบดีของยูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี เดินทางไปโปแลนด์ด้วยรถไฟส่วนตัวที่หรูหรา โพสต์ดังกล่าวมีรูปภาพรถไฟที่ประดับประดาด้วยวัสดุสีทองทั้งบนผนังและเพดาน ความจริงเบื้องหลังคำกล่าวอ้างนี้ยังเป็นที่น่าสงสัย โดยหลายฝ่ายได้คาดเดาว่าคำกล่าวนี้อาจถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง Source | Archive Source | Archive โดยผู้ใช้โซเชียลต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และหลายความคิดเห็นก็กล่าวว่าเซเลนสกีนำภาษีประชาชนมาใช้กับรถไฟหรูขบวนนี้ เราพบว่าคำกล่าวอ้างมาพร้อมจากนิตยสาร Fakt ที่หน้าปกเป็นภาพของเซเลนสกีพร้อมพาดหัวว่า “Przyjada limuzyna na szynach (รถลีมูซีนบนรางรถไฟมาแล้ว)” บทความ บนเว็บไซต์ของ Fakt ได้โพสต์รูปภาพภาพภายในรถไฟสุดหรูเพิ่มเติม พร้อมยังระบุด้วยว่ารถไฟได้รับการปรับปรุงใหม่ไม่กี่ปีก่อนเกิดสงคราม โดยผู้คนต่างวิจารณ์ถึงการใช้ชีวิตที่ฟุ้งเฟ้อของประธานาธิบดียูเครน ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากที่เราได้ทำการตรวจสอบ เราพบว่ารถไฟในภาพไม่ใช่รถไฟส่วนตัวของประธานาธิบดีเซเลนสกี และไม่ได้เพิ่งตกแต่งใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เราได้ใช้ฟีเจอร์การค้นหารูปภาพเพื่อค้นหาที่มาของรูปภาพรถไฟสีทองอันโอ่อ่านี้ และพบว่ารูปภาพดังกล่าวเผยแพร่ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2015 รถไฟที่ตกแต่งด้วยสีทองขบวนนี้เป็นรถไฟประเภท VIP ที่ให้บริการโดย […]

Continue Reading

ไม่ใช่เลขสาม: ภาพพลเอกประยุทธ์ชูนิ้วมือที่ถูกเข้าใจผิด

ในช่วงเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นเดือนหน้า ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ข่าวปลอมเป็นอีกปัญหาสำคัญที่หลายๆ ฝ่ายควรต้องเฝ้าระวัง เพราะข้อมูลต่างๆ ล้วนมีผลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง และสามารถส่งผลต่อการเลือกตั้งได้โดยตรง และล่าสุดเราพบข้อมูลที่ชวนให้ผู้คนเข้าใจผิด และอาจส่งผลต่อการตัดสินใจในการเลือกได้ เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก “ไทยรัฐนิวส์โชว์” ของสำนักข่าวไทยรัฐ ได้แชร์ภาพพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ชูมือหนึ่งนิ้วและสองนิ้ว ร่วมกับสมาชิกพรรคอีกสองรายข้างๆ พร้อมข้อกล่าวอ้างว่าพลเอกประยุทธ์ พยายามชูมือเป็นเลข 3 เนื่องจากผู้ลงสมัครของพรรคจับได้เบอร์ 3 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ Source | Archive โดยผู้ใช้โซเชียลได้แสดงความคิดเห็นในภาพดังกล่าวมากมาย เช่น “ไม่ชูข้างเดียวละครับ แบบนี้เบอร์12นะ”, “แววมันออก เลข 3 ชูนิ้วแบบนั้นหรอ”, “ไหนว่าก้าวข้ามความขัดแย้งแค่จะชู 3 นิ้วก็กลัวเสียศักดิ์ศรี” โดยภาพดังกล่าวของพลเอกประยุทธ์ พร้อมข้อกล่าวอ้างที่ระบุว่าพรรครวมไทยสร้างชาติของพลเอกประยุทธ์จับได้หมายเลข 3 และการชูนิ้วแสดงถึงหมายเลข 3 อีกแบบเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ซ้ำกับสัญลักษณ์การชู 3 นิ้ว ของฝั่งต่อต้านเผด็จการ ก็ได้แพร่กระจายอย่างเป็นวงกว้าง ทั้งบนเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ Source […]

Continue Reading

ภาพปลอม: ปูตินไม่ได้คุกเข่าให้สี จิ้นผิง

ในวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ได้ไปเยือนรัสเซีย และเข้าพบปะวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการพบปะกันครั้งแรกหลังจากเกิดเหตุสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลต่อทิศทางการเมืองโลก ทำให้ทั่วโลกต่างจับตามองการพบกันของสองผู้นำในครั้งนี้ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพบปะครั้งนี้ที่นี่) และท่ามกลางข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้ ก็มีรูปภาพที่อ้างว่าเป็นภาพของปูตินกำลังคุกเข่าต่อสี จิ้นผิงแพร่กระจายตามโซเชียลมีเดียต่างๆ ข้อกล่าวอ้างบนโซเชียลมีเดีย มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์รูปภาพที่อ้างว่าเป็นภาพปูตินและสี จิ้นผิง พร้อมคำบรรยายภาพว่า: “24/3/66 ภาพเด็ดแห่งปี สะท้านสะเทือนไปทั้งโลก อเมริกากับยุโรปโดยเฉพาะสมาชิกกลุ่มนาโต้ เห็นภาพนี้แล้ว เกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วน ขนหัวลุกตั้งชัน สั่นสะท้านหนาวเหน็บเจ็บไปถึงแกนสมอง ☆ปธน.ปูติน คุกเข่าลง จูบหลังมือ ปธน.สีจิ้นผิง !!!! ยอมยกให้สีเป็นพี่ใหญ่ ตั่วเฮีย ต้าเกอ ☆เจอดอกนี้เข้าไป สยองกันทั้งโลกสิครับ” Source | Archive โดยมีผู้ใช้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในโพสต์มากมาย Source | Archive นอกจากนี้ เราพบภาพเดียวกันเผยแพร่บนทวิตเตอร์ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม โดยทวีตดังกล่าวมีการรับชมไปแล้วกว่าเจ็ดแสนครั้ง Source | Archive อย่างไรก็ตาม เราพบว่ารูปภาพดังกล่าวของผู้นำทั้งสองนั้นเป็นภาพปลอม ตรวจสอบข้อเท็จจริง […]

Continue Reading

ภาพปูตินแต่งกายเป็นพระสงฆ์ แท้จริงแล้วสร้างจาก AI

ข้อพิพาทระหว่างรัสเซียและยูเครนถือเป็นประเด็นที่ทั่วโลกต่างแสดงความกังวล ด้วยสถานการณ์ที่ตึงเครียดมากยิ่งขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศ โดยนอกจากการปะทะกันทางกองกำลังทางทหารแล้ว การโจมตีด้วยข้อมูลและข่าวปลอมก็ถือเป็นอีกวิธีที่เราพบเห็นได้มากยิ่งขึ้น และล่าสุด มีรูปภาพของวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซียแต่งกายแบบพระภิกษุแพร่กระจายและเป็นที่พูดถึงอยู่ในขณะนี้ ข้อกล่าวอ้างบนโซเชียลมีเดีย มีผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ได้แชร์ภาพของปูตินในเครื่องแต่งกายแบบภิกษุสงฆ์ พร้อมคำบรรยายในภาพว่า “ # #เรื่องที่คุณอาจจะยังไม่รู้ ปูติน เคยบวชให้ในหลวง ร.9 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ณ วัดแห่งหนึ่งใน ธิเบต โดยท่านบวชเป็นจำนวน 3 พรรษา ซึ่งตรงกับ 9 เดือน พอดี เรื่องนี้มีน้อยคนมากที่รู้ จนมีพระในธิเบตรูปนึงออกมาเปิดเผยเรื่องราวผ่านสำนักข่าว รอยเตอร์โอเว่น ว่าครั้งนึง ประธานาธิบดี ปูติน เคยมาบวชถวายตัวเป็นพุทธมามก เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง ร.9ด้วยอิริยาบทที่สงบ ประหนึ่งจะตรัสรู้ในวันข้างหน้า ทั้งนี้เดอะไทม์หนังสือพิมพ์ชื่อดัง ยังได้ออกมาคอนเฟิร์มเรื่องนี้ว่ามีมูลความจริง หลังจากปูติน ได้สำนึกในพระกรุณาธิคุณ เรื่อง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สาธุๆ ธ สถิตในดวงใจ” Source | Archive โดยโพสต์ดังกล่าวได้มีการแชร์ออกไปอย่างแพร่หลาย โดยนอกจากโพสต์ดังกล่าวแล้ว เราพบรูปภาพเดียวกันพร้อมข้อกล่าวอ้างที่คล้ายคลึงกันเผยแพร่บนเฟซบุ๊กในหลายๆ โพสต์ […]

Continue Reading

บทบาทของรัสเซียในยูเอ็นในเดือนหน้า: สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับตำแหน่งประธานคณะความมั่นคง

ท่ามกลางสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียที่ยังไม่มีทีท่าจะจบลง หลายฝ่ายได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับยุทธวิธีการทำสงครามของฝ่ายมหาอำนาจอย่างรัสเซีย โดยเมื่อเดอืนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ได้ร่างมติเพื่อเรียกร้องให้รัสเซียถอนทัพออกจากยูเครนโดยทันที โดยได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบจากประเทศสมาชิกสหประชาชาติ 141 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ เราได้พบข้อกล่าวอ้างที่อาจทำให้ผู้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับรัสเซียและองค์การสหประชาชาติได้ เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ได้ทวีตข้อความดังต่อไปนี้: “ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ตำแหน่งประธานสหประชาชาติจะถูกย้ายไปยังรัสเซีย ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ( UN ) มีการประกาศว่าตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ตำแหน่ง ประธานสหประชาชาติจะถูกย้ายไปยังรัสเซีย นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่รัสเซียได้รับโอกาสอันเป็นเกียรติในการประชุมของสภาใหญ่” Source | Archive พร้อมทวีตเพิ่มเติมภายในเธรดว่า  “ประธานสหประชาชาติเป็นตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบอย่างมาก ที่ต้องใช้ความพยายาม และเวลาจากประเทศที่เป็นประธานองค์กรตลอดทั้งปี รัสเซียจะทำงานอย่างแข็งขันในการแก้ไขปัญหามากมาย ที่เผชิญหน้ากับประชาคมโลก ประธานสหประชาชาติคือการเสริมสร้างความมั่นคง และความมั่นคงระหว่างประเทศ” และ “ตำแหน่งประธานสหประชาชาติ ของรัสเซียจะอยู่ถึงปลายเดือนมีนาคมปีหน้า” Source | Archive โดยเมื่อทำการตรวจสอบ เราพบว่าตำแหน่งที่ทวีตดังกล่าวอ้างถึงน่าจะหมายถึงตำแหน่ง “ประธานคณะความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ” หรือ Presidency […]

Continue Reading

ภาพโจมตีตะวัน-แบมแอบกินข้าว แท้จริงแล้วเป็นภาพนักกิจกรรมคนอื่น

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และแบม-อรวรรณ ภู่พงษ์ สองนักกิจกรรมอิสระ ได้ถอนการประกันตัวจากที่ถูกดำเนินคดีด้วย ม.112 และ ม.116 และแถลงการณ์ข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ คือ ภาพจาก: The MATTER เมื่อข้อเรียกร้องไม่เป็นผล ทั้งตะวันและแบมจึงได้ประท้วงโดยการอดอาหารและน้ำ ในวันที่ 18 มกราคม โดยทั้งแบมและตะวันได้ถูกปล่อยตัวชั่วคราวเเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์เพื่อรับการรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เนื่องจากสภาวะร่างกายเข้าขั้นวิกฤต และเริ่มรับน้ำและแร่ธาตุเพื่อประคองอาการในเวลาถัดมา และในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ตะวันและแบมได้เริ่มอดอาหารระลอกใหม่ โดยปักหลักหน้าศาลอาญา โดยทั้งสองแถลงแจ้งความประสงค์อดอาหารเพื่อประท้วงให้ผู้มีอำนาจยอมรับสิทธิของผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญาได้รับการประกันตัวในระหว่างต่อสู้คดีต่อไป อย่างไรก็ตาม เราได้พบข้อกล่าวอ้างที่ชวนให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับแบมและตะวันที่กำลังเผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดีย มีโพสต์แชร์ภาพนักกิจกรรมหญิงสองรายกำลังรับประทานอาหารอยู่ภายในเต็นท์ พร้อมคำบรรยายภาพว่า “เห็นบอกว่าอดอาหาร แต่นั่งกินข้าวอยู่ในคอกอ่ะ.. กั้นซะทึบ ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่..” Source | Archive โดยโพสต์ดังกล่าวมีการกดถูกใจกว่าร้อยครั้ง นอกจากนี้เราได้พบรูปภาพพร้อมคำกล่าวอ้างลักษณะเดียวกันบนเฟซบุ๊ก โดยจากกระแสข่าวการอดอาหารของแบมและตะวัน ทำให้โพสต์ดังกล่าวดูเหมือนมุ่งเป้าไปที่ตัวนักกิจกรรมทั้งสอง Source | Archive ตรวจสอบข้อเท็จจริง […]

Continue Reading

พรรคก้าวไกลมีนโยบายลดบำนาญข้าราชการจริงหรือไม่?

การเลือกตั้งใหญ่ของประเทศไทยกำลังจะเกิดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ท่ามกลางการแข่งขันด้านนโยบายกันอย่างเข้มข้น การแพร่กระจายของข่าวปลอมและข้อมูลเท็จต่างๆ ก็ถือเป็นปัญหาที่พบเจอได้บ่อยครั้ง แน่นอนว่าข้อมูลข่าวสารเท็จสามารถส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของประชาชนได้ ล่าสุด มีข้อกล่าวอ้างเกี่ยวกับพรรคก้าวไกลที่กลับมาเผยแพร่บนโซเชียลอีกครั้ง เราจึงดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของเรื่องราวดังกล่าวนี้ ข้อกล่าวอ้างบนโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้ทวีตรูปภาพที่มีข้อความว่า “พิธา ยืนยัน ถ้าไม่ตัด ก็จะขอลดเงินบำนาญข้าราชการ เพราะมันคือ “งบช้างป่วย” ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน” Claim | Archive โดยทวีตดังกล่าวมีการรับชมไปแล้วกว่าสองหมื่นครั้ง และรีทวีตต่อกว่า 120 ครั้ง อย่างไรก็ตาม เราพบว่าข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อทำการตรวจสอบ พบว่าประเด็น “ช้างป่วย” ในข้อกล่าวอ้างนั้นมาจากการอภิปรายในสภาของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 (ที่มา) โดยนายพิธาได้อภิปรายถึงงบประมาณของประเทศ โดยกล่าวว่าตัวเลขที่สูงที่สุดในงบประมาณชุดดังกล่าว คือเบี้ยหวัดของข้าราชการ ซึ่งเทียบเท่างบของกระทรวงศึกษาธิการทั้งกระทรวง และได้เปรียบเทียบว่า (ระบบเบี้ยข้าราชการ) มีลักษณะเหมือนช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ รัฐบาลได้ใช้เงินจำนวนกว่า 40% ของรายได้ประเทศไปกับรายจ่ายของบุคลากรในระบบราชการที่อุ้ยอ้าย นอกจากนี้ยังได้วิเคราะห์ถึงจำนวนเงินบำนาญของข้าราชการที่เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา […]

Continue Reading