ข้อความไวรัลว่าโควิด-19 เกิดจากแบคทีเรีย “เป็นข้อมูลเท็จ”

COVID-19 False Health

เมื่อเร็วๆ มีข้อความที่กำลังแพร่กระจายในโซเชียลมีเดียโดยที่อ้างว่าสิงคโปร์ค้นพบว่าโควิด-19 เกิดจากแบคทีเรียไม่ใช่ไวรัส ซึ่งยังอ้างว่าสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากโควิด-19 นั้นมาจากลิ่มเลือดอุดตัน เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่าน ข้อความนี้ก็กลับมาแพร่กระจายอย่างกว้างขวางอีกครั้ง

โพสต์บนโซเชียลมีเดีย

มีข้อความหนึ่งแพร่กระจายบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับ COVID-19 ที่อ้างว่า แพทย์ในสิงคโปร์ค้นพบว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้วางแผนสมคบคิดเพื่อหลอกลวงผู้คนเกี่ยวกับโรคนี้และแนวทางการรักษา ข้อความยังอ้างเพิ่มเติมว่า กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ได้ค้นพบวิธีรักษาไวรัสแล้ว และยังอ้างอีกว่า ไวรัสโคโรนาไม่ใช่ไวรัส แต่เป็นแบคทีเรีย และสามารถรักษาโควิดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ นอกจากนี้ยังกล่าวว่า สาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากโควิดคือการเกิดลิ่มเลือด (thrombosis) หรือภาวะเลือดแข็งตัวในหลอดเลือด ข้อความยังระบุอีกว่า ไม่จำเป็นต้องใช้ห้อง ICU หรือเครื่องช่วยหายใจในการรักษาผู้ป่วยโควิด และกล่าวว่ากระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ได้เปลี่ยนแนวทางการรักษา โดยให้ผู้ป่วยโควิดรับประทานแอสไพริน

ที่มา | ลิงก์ถาวร

ตรวจสอบข้อเท็จจริง

จากการตรวจสอบพบว่า ข้อความดังกล่าวเป็นข้อความเท็จที่มีการแพร่กระจายมาตั้งแต่ปี 2021 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรัฐบาลสิงคโปร์ก็ได้ออกมาชี้แจงในกรณีดังกล่าวแล้ว และ Fact Crescendo ได้ตรวจสอบข้อกล่าวอ้างนี้ในเวอร์ชั้นภาษาอังกฤษที่แพร่กระจายเมื่อปี 2021 ไว้ที่นี่

ข้อกล่าวอ้างที่ 1: สิงคโปร์ทำการชันสูตรศพผู้เสียชีวิตจากโควิด

กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ได้ชี้แจงผ่านเพจ Facebook อย่างเป็นทางการว่า ประเทศไม่ได้ทำการชันสูตรศพผู้เสียชีวิตจากโควิดเลย และข้อมูลที่อยู่ในข้อความดังกล่าวไม่มีมูลความจริงทางวิทยาศาสตร์

โพสต์บน Facebook จากเพจอย่างเป็นทางการของกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ระบุว่า “สิงคโปร์ไม่ได้ทำการชันสูตรศพเช่นนั้น ข้อความดังกล่าวมีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับพยาธิสรีรวิทยาของการติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักฐานทางการแพทย์ในปัจจุบัน และเวอร์ชั่นก่อนหน้าของข้อความนี้ซึ่งเคยกล่าวถึงรัสเซียแทนสิงคโปร์ ก็ได้ถูกเปิดโปงว่าไม่เป็นความจริงเช่นกัน”

(ลิงก์ถาวร)

ข้อกล่าวอ้างที่ 2: โควิดไม่ใช่ไวรัส แต่เป็นแบคทีเรีย

จากงานวิจัยโดย Lancet เกี่ยวกับลักษณะทางพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา ระบุชัดว่า 2019-nCoV เป็นไวรัสเบต้าโคโรนาใหม่ในสายพันธุ์ Sarbecovirus และมีความใกล้เคียงกับไวรัสในค้างคาว

เอกสารของกระทรวงสาธารณสุขอินเดียยังระบุชัดว่า ไวรัสโคโรนาเป็นกลุ่มไวรัสขนาดใหญ่ที่สามารถก่อโรคในสัตว์หรือมนุษย์ และโควิด-19 เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ล่าสุด

นอกจากนี้ Fact Crescendo ได้ติดต่อ Dr. Hira ผู้อำนวยการโรงพยาบาล LNJP กรุงเดลี ซึ่งได้ยืนยันว่าโควิด-19 ไม่ใช่แบคทีเรียแต่เป็นไวรัส โดยข้อมูลทางพันธุกรรมของไวรัสนี้สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือหลายๆ แห่ง

และตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ได้ระบุชัดเจนว่า โควิด-19 เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่า SARS-CoV-2 และได้ชี้แจงในส่วนของการแก้ไขความเข้าใจผิดๆ ว่าโควิด-19 เกิดจากไวรัส ไม่ใช่แบคทีเรีย

ข้อกล่าวอ้างที่ 3: ยาปฏิชีวนะและยาแก้อักเสบสามารถรักษาโควิดได้

Dr. Hira ย้ำว่า ยาปฏิชีวนะไม่มีบทบาทในการรักษาไวรัสโคโรนาโดยตรง ยาจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่ำและเกิดการติดเชื้อแทรกซ้อนจากแบคทีเรียเท่านั้น แต่ ไม่สามารถรักษาเชื้อไวรัสโควิดได้

ยาปฏิชีวนะมีบทบาทอย่างไรในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19?

ตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขของอินเดีย ยาปฏิชีวนะไม่สามารถใช้รักษาไวรัสได้ แต่ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น เนื่องจากโควิด-19 เกิดจากไวรัส ยาปฏิชีวนะจึงไม่มีผลในการรักษา ไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันหรือรักษาโควิด-19 และควรใช้ตามคำสั่งแพทย์เท่านั้นเมื่อมีการติดเชื้อแบคทีเรีย

ตามข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (NCBI) สหรัฐอเมริกา พบว่าการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในผู้ป่วยปอดอักเสบจากไวรัส โดยเฉพาะในผู้ป่วยวิกฤต ซึ่งทำให้ต้องการการดูแลในหอผู้ป่วยวิกฤตมากขึ้นและเพิ่มอัตราการเสียชีวิต การติดเชื้อแบคทีเรียและ/หรือเชื้อราแทรกซ้อนหรือการติดเชื้อร่วมเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออัตราการเสียชีวิต ในกรณีเช่นนี้จึงจะมีการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาการติดเชื้อแทรกซ้อนที่เกิดจากแบคทีเรีย

ข้อกล่าวอ้างที่ 4: WHO คัดค้านการชันสูตรศพผู้เสียชีวิตจากโควิด

เราได้ค้นหาแนวทางและกฎระเบียบของ WHO เกี่ยวกับการชันสูตรศพผู้ป่วยโควิด-19 แต่ไม่พบกฎหรือแนวทางใดๆ ที่ระบุว่าห้ามชันสูตรศพผู้ป่วยโควิด-19

นอกจากนี้ เราพบแนวทางการชันสูตรศพผู้ป่วยโควิด-19 ที่ออกโดย WHO และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ซึ่งระบุว่า “ต้องมั่นใจว่าบุคลากรที่ต้องสัมผัสกับศพ (ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สัปเหร่อ หรือทีมฝังศพ) ปฏิบัติตามข้อควรระวังมาตรฐาน รวมถึงการล้างมือก่อนและหลังการสัมผัสศพและสิ่งแวดล้อม และใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ที่เหมาะสมตามระดับการสัมผัสกับศพ ซึ่งรวมถึงเสื้อคลุมและถุงมือ หากมีความเสี่ยงที่จะสัมผัสกับของเหลวหรือสารคัดหลั่งจากร่างกาย บุคลากรควรใช้อุปกรณ์ป้องกันใบหน้า รวมถึงหน้ากากป้องกันใบหน้าหรือแว่นตานิรภัยและหน้ากากอนามัย”

ในอินเดีย การชันสูตรศพผู้เสียชีวิตจากโควิดครั้งแรกระบุไว้ว่าดำเนินการโดยวิทยาลัยการแพทย์ออกซ์ฟอร์ด โรงพยาบาลและศูนย์วิจัยในเบงกาลูรู เมื่อเดือนตุลาคม 2020 การชันสูตรทางคลินิกที่ทำกับศพของผู้ป่วยโควิด-19 อายุ 62 ปีในเบงกาลูรู ซึ่งเสียชีวิตหลังจากรักษาตัว 14 วัน พบว่าไวรัสยังคงมีการแพร่เชื้อในบริเวณปาก ลำคอ และจมูก 18 ชั่วโมงหลังเสียชีวิต การชันสูตรศพนี้ดำเนินการโดย Dr. Dinesh Rao หัวหน้าแผนกนิติเวชศาสตร์ของวิทยาลัยการแพทย์และสถาบันวิจัยออกซ์ฟอร์ดในเมืองนี้

การชันสูตรศพผู้เสียชีวิตจากโควิดยังได้ดำเนินการในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อิตาลี และรัสเซีย

ข้อกล่าวอ้างที่ 5: สาเหตุการเสียชีวิตหลักคือลิ่มเลือดอุดตัน ไม่ใช่ปอดอักเสบ

เพื่อทำความเข้าใจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นนี้ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าภาวะลิ่มเลือดอุดตัน (thrombosis) คืออะไร ตามข้อมูลจาก North American Thrombosis Forum ภาวะลิ่มเลือดอุดตันคือการก่อตัวของลิ่มเลือด หรือที่เรียกว่า thrombus ภายในหลอดเลือด ซึ่งขัดขวางการไหลเวียนของเลือดตามปกติในระบบไหลเวียนโลหิต

ตามข้อมูลจากวารสารวิทยาศาสตร์ชั้นนำหลายฉบับ เช่น Nature และการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ใน American Journal of Hematology ที่เผยแพร่บน Wiley Online Library พบว่าภาวะลิ่มเลือดอุดตันหรือการแข็งตัวของเม็ดเลือดเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในผู้ป่วยโควิด-19 โดย WHO ได้แนะนำให้ใช้ยา low-molecular-weight heparin ในการรักษาผู้ป่วยที่สงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับ “ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ”

ตามข้อมูลจาก Lancet พบว่าภาวะระบบหายใจล้มเหลวเป็นสาเหตุการเสียชีวิตหลักในผู้ป่วยโควิด-19 โดย Dr. Hira กล่าวว่า “ไม่มีงานวิจัยหรือการศึกษาเฉพาะที่พิสูจน์ว่าภาวะลิ่มเลือดอุดตันเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในผู้ป่วยโควิด-19 ในอินเดีย แต่คิดว่าเป็นหนึ่งในหลายๆ สาเหตุ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าปอดอักเสบไม่ใช่สาเหตุด้วย เนื่องจากโรคนี้ยังค่อนข้างใหม่แม้กระทั่งตอนนี้ (บทสัมภาษณ์จากปี 2021) เพราะมีสายพันธุ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆ แพทย์และนักวิทยาศาสตร์กำลังพยายามทำความเข้าใจ ดังนั้นการกล่าวอย่างชัดเจนว่าภาวะลิ่มเลือดอุดตันเป็นสาเหตุหลักหรือสาเหตุเดียวของการเสียชีวิตนั้นเป็นการกล่าวอ้างที่เกินจริง ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ปอดอักเสบ และภาวะระบบหายใจล้มเหลวล้วนเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในผู้ป่วย การรักษาภาวะลิ่มเลือดอุดตันอาจเป็นการรักษาแบบครอบคลุมสำหรับผู้ป่วยโควิดทุกราย”

ข้อกล่าวอ้าง 6: ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและห้อง ICU ในการรักษาผู้ป่วยโควิด

ตามคำกล่าวของ Dr. Hira จากโรงพยาบาล LNJP กรุงเดลี ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการทางระบบหายใจรุนแรงหรือมีภาวะอวัยวะหลายระบบล้มเหลวหรือไตวายมักได้รับการรักษาในห้อง ICU ด้วยเครื่องช่วยหายใจ แม้ว่าไม่ใช่ผู้ป่วยโควิดทุกรายจะต้องการห้อง ICU และเครื่องช่วยหายใจ แต่การกล่าวว่าไม่จำเป็นต้องใช้ ICU และเครื่องช่วยหายใจเลยนั้นเป็นเรื่องที่ผิดอย่างมาก เพราะเป้าหมายสูงสุดของเราคือการช่วยชีวิตผู้ป่วย ดังนั้นในกรณีที่ผู้ป่วยอาการหนักต้องการเครื่องช่วยหายใจ คงไม่มีใครลังเลที่จะจัดหาให้

Sergio Harari ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการด้านโรคปอดของโรงพยาบาล San Giuseppeในมิลาน อิตาลี ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อิตาลี “Corriere della Sera” ว่าการเสียชีวิตส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากปอดอักเสบชนิด interstitial และภาวะระบบหายใจล้มเหลว การกล่าวว่าไม่ควรใส่ท่อช่วยหายใจให้ผู้ป่วยนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทย

มีผู้เชี่ยวชาญหลายรายได้แสดงความคิดเห็นในกรณีเกิดลื่มเลือดอุดตัน และความเชื่อมโยงกับโควิด-19 ไว้ดังนี้

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ว่า “ผู้ป่วยเป็นปอดอักเสบโควิด ใช้เครื่องช่วยหายใจเป็นเวลานานจนตรวจไม่พบเชื้อโควิดแล้ว ต่อมาเกิดปอดติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนและเสียชีวิต การสรุปสาเหตุการตายต้องเป็นโรคโควิด-19 โดยมีปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียเป็นภาวะแทรกซ้อน”

นพ.ชาติทนง ยอดวุฒิ อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า “ภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 พบได้น้อยมาก และส่วนใหญ่พบในวัคซีนชนิดไวรัสเวกเตอร์ เช่น AstraZeneca และ Johnson & Johnson โดยมีอัตราการเกิดประมาณ 1 ใน 6 ล้านโดส”

นอกจากนี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ระบุว่า ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอดสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม การไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หรือการใช้ยาคุมกำเนิด และไม่มีหลักฐานชัดเจนที่เชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีนโควิด-19

สรุป

จากงานวิจัยและข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ เราพบว่าข้อความที่แชร์กันในโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับโควิด-19 ว่าเกิดจากแบคทีเรียนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โควิด-19 เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส และแม้ว่าภาวะลิ่มเลือดอุดตันจะเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักเพียงอย่างเดียวของการเสียชีวิต การรักษาต้องทำอย่างครอบคลุมและเหมาะสมตามอาการของผู้ป่วยแต่ละราย

Avatar

Title:ข้อความไวรัลว่าโควิด-19 เกิดจากแบคทีเรีย “เป็นข้อมูลเท็จ”

Fact Check By: Cielito Wang 

Result: False

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *