จากที่เพจ Center for Medical Genomics ได้แชร์งานวิจัยของ Dr. Nabin K Shrestha และทีมวิจัยแผนกโรคติดเชื้อจากคลีฟแลนด์คลินิก ที่แสดงผลวิจัยว่า ความเสี่ยงของการติดเชื้อโควิด-19 กลับมีการแปรผันตรงตามจำนวนครั้งหรือโดสของการฉีดวัคซีน (mRNA) กล่าวคือ หากได้รับวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอจำนวนมากก่อนหน้านี้ ความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ก็จะยิ่งสูงขึ้น ผู้ที่ได้รับวัคซีนตั้งแต่ 3 โดสขึ้นไปจะมี “ความเสี่ยง” ในการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 6 เท่าเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน โดยโพสต์ดังกล่าวก็ได้รับการแชร์ต่ออย่างกว้างขวาง รวมถึงมีการเผยแพร่ในเว็บไซต์ต่างๆ อีกด้วย
Fact Crescendo ได้ตรวจสอบบทความดังกล่าวและพบว่างานวิจัยที่มีการอ้างอิงในบทความนั้นเป็นงานวิจัยที่ยังไม่ได้รับตีพิมพ์และยังไม่ผ่านการตรวจสอบ และในงานวิจัยดังกล่าวยังระบุไว้ว่างานวิจัยชิ้นดังกล่าวเป็นผลการวิจัยที่ทำขึ้นใหม่ และยังไม่ได้มีการประเมินอย่างเป็นทางการ จึงไม่ควรนำมาใช้เป็นแนวทางในการรักษา
แถลงการณ์จากกระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับบทความข้างต้นว่า ข้อมูลวิจัยจากสหรัฐฯ เรื่องรับวัคซีน mRNA หลายครั้ง เพิ่มความเสี่ยงติดโควิด-19 ยังขาดความน่าเชื่อถือ ยังไม่ถูกยอมรับให้เผยแพร่ ขาดการวิเคราะห์และสรุปข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้านระบาดวิทยา พฤติกรรมเสี่ยงและการป้องกันโรคที่มีผลต่อการติดเชื้อ ที่สำคัญไม่สามารถนำมาใช้กับประเทศไทยได้ เนื่องจากสถานการณ์และมาตรการต่างกัน ย้ำฉีดวัคซีนอย่างน้อย 4 เข็ม ห่างกัน 4 เดือน ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ไม่ป่วยรุนแรงและเสียชีวิต
นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวงในฐานะประธานคณะกรรมการ MIU กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีข่าวรายงานข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ระบุเรื่องการรับวัคซีน mRNA หลายครั้ง เพิ่มความเสี่ยงติดโรคโควิด-19 ซ้ำ ว่า “จากการตรวจสอบพบว่าเป็นข้อมูลงานวิจัยของแผนกโรคติดเชื้อ คลีฟแลนด์คลินิก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งยังไม่ได้รับการประเมินรับรองจากผู้เชี่ยวชาญก่อนการเผยแพร่ในวารสารวิชาการ และยังไม่ได้รับการยอมรับให้เผยแพร่ตามมาตรฐานวิชาการ ประเด็นที่พบเป็นเพียงการนำเสนอจากข้อมูลที่มีอยู่ ขาดการวิเคราะห์และสรุปข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลด้านระบาดวิทยาที่สำคัญ พฤติกรรมเสี่ยง พฤติกรรมการป้องกันโรค และประวัติการติดเชื้อร่วมกับการฉีดวัคซีน เนื่องจากการฉีดวัคซีนโควิด 19 เพียงอย่างเดียวไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อหรือการติดเชื้อได้อย่างมีนัยสำคัญ สิ่งสำคัญคือ ต้องร่วมกับพฤติกรรมด้านสุขภาพที่ดีในการป้องกันโรค เช่น การสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะหรือที่มีผู้คนแออัดจำนวนมาก การล้างมือ และการเว้นระยะห่าง ดังนั้น ผลงานวิจัยดังกล่าวจึงขาดความน่าเชื่อถืออย่างมาก
ที่สำคัญ ข้อมูลงานวิจัยดังกล่าวไม่สามารถนำมาใช้กับประเทศไทยได้ เนื่องจากมีความแตกต่างกันในด้านสถานการณ์ มาตรการป้องกันควบคุมโรคด้านระบาดวิทยา และพฤติกรรมสุขภาพของประชากร โดยสหรัฐอเมริกาไม่ได้เน้นมาตรการ เช่น การสวมหน้ากากอนามัย เหมือนประเทศไทย รวมถึงระบบการรักษาพยาบาล การควบคุมโรค และสายพันธุ์ของเชื้อที่ระบาดมีความแตกต่างกัน อีกทั้งผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นมากกว่า 3 เข็มในสหรัฐอเมริกาเป็นกลุ่มผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงสูง จึงมีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้มากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับการฉีดเข็มกระตุ้น” นพ. รุ่งเรืองกล่าว
นพ.รุ่งเรืองกล่าวต่อว่า ผลการศึกษาดังกล่าวมีประโยชน์ในแง่สนับสนุนให้มีการศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นอย่างรอบด้านมากขึ้น เพื่อเป็นข้อสรุปที่สำคัญในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัว เช่น จำนวนเข็มกระตุ้นที่เหมาะสม ระยะห่างการฉีดเข็มกระตุ้นที่จะเกิดประโยชน์สูงสุด เช่นเดียวกับกรณีวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ที่ปัจจุบันแนะนำให้ฉีดกระตุ้นทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว สตรีตั้งครรภ์และเด็ก ทั้งนี้ ข้อมูลทางวิชาการที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก คือ วัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นช่วยลดโอกาสการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้อย่างชัดเจน จึงขอเชิญชวนประชาชนให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้นรวมอย่างน้อย 4 เข็ม หากเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือน ต้องฉีดเข็มกระตุ้น ตามข้อแนะนำด้านวิชาการในปัจจุบันของประเทศไทย (ที่มา: กระทรวงสาธารณสุข)
ข้อสรุปส่งท้าย
จากกรณีมีข่าวรายงานข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ระบุเรื่องการรับวัคซีน mRNA หลายครั้ง เพิ่มความเสี่ยงติดโควิด-19 ซ้ำนั้นเป็นเพียงการนำเสนอจากข้อมูลที่มีอยู่ ขาดการวิเคราะห์และสรุปข้อมูล และยังขาดความน่าเชื่อถืออย่างมาก และไม่สามารถนำมาใช้ในบริบทของประเทศไทยได้ เนื่องจากความแตกต่างกันด้านสถานการณ์และมาตรการต่างๆ อย่างไรก็ตามผลการวิจัยดังกล่าวก็มีประโยชน์เนื่องจากช่วยกระตุ้นให้มีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 มากขึ้น แต่ข้อมูลทางวิชาการที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลกคือ การฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นช่วยลดโอกาสการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตได้

Title:กระทรวงสาธารณสุขชี้แจง งานวิจัยว่าเข็มกระตุ้นเพิ่มความเสี่ยงติดโควิด ยังขาดความน่าเชื่อถือและใช้ในไทยไม่ได้
By: Cielito WangResult: Explainer