
ในช่วงเดือนที่ผ่านมา มีการแชร์ข้อความเตือนเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ โดยระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางและกิจกรรมที่ไม่จำเป็น พร้อมเสนอแนวทางป้องกัน เช่น การรักษาความชุ่มชื้นของเยื่อเมือกลำคอ การงดใช้ขนส่งสาธารณะ หลีกเลี่ยงอาหารทอดและรสจัด และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วยวิตามินซี อีกทั้งยังมีการกล่าวถึงมาตรการจำกัดการเดินทางไปยังบางประเทศและการเฝ้าระวังในบางจังหวัดของไทย
ข้อกล่าวอ้างบนโซเชียลมีเดีย
ผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายราย ได้แชร์ข้อความที่ระบุว่า “กระทรวงสาธารณะสุขแจ้งเตือนว่า โควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ครั้งนี้มีความร้ายแรงมาก ขอให้งดการเดินทางและกิจกรรมทุกประเภทที่ไม่จำเป็น”
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ตรวจสอบข้อเท็จจริง
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงถึงข้อความที่ระบุว่า “สธ.เตือนไข้หวัดใหญ่ครั้งนี้ มีความร้ายแรงมาก ขอให้งดเดินทางและกิจกรรมทุกประเภทที่ไม่จำเป็น” เป็นข้อมูลเท็จ
โดยแม้ว่าการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 ยังคงเกิดขึ้นในบางพื้นที่ แต่มาตรการป้องกันจากหน่วยงานสาธารณสุขไม่ได้รวมถึงข้อกำหนดห้ามเดินทาง หรือคำแนะนำเกี่ยวกับการดื่มน้ำเพื่อป้องกันการติดเชื้อแต่อย่างใด
สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ในไทย
ข้อมูลจาก กรมควบคุมโรค ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 17 กุมภาพันธ์ 2568 พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สะสม 107,570 ราย และมีผู้เสียชีวิต 9 ราย กลุ่มอายุที่มีการติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ เด็กอายุ 5 – 9 ปี โดยสายพันธุ์ที่ระบาดมากที่สุดคือ A/H1N1 (2009)
4 จังหวัดที่มีจำนวนผู้ป่วยสูงสุดในภาคอีสาน ได้แก่:
- นครราชสีมา (3,719 ราย, เสียชีวิต 3 ราย)
- สุรินทร์ (1,753 ราย, ไม่มีผู้เสียชีวิต)
- ชัยภูมิ (800 ราย, ไม่มีผู้เสียชีวิต)
- บุรีรัมย์ (666 ราย, ไม่มีผู้เสียชีวิต)
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรค
กระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า ไม่ได้ออกมาตรการห้ามเดินทาง หรือให้หลีกเลี่ยงการใช้ขนส่งสาธารณะ โดยแนวทางป้องกันไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 ที่แนะนำอย่างเป็นทางการ ได้แก่ การฉีดวัคซีนประจำปี การล้างมือบ่อย ๆ การสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่แออัด และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าด้วยมือที่ไม่สะอาด
นอกจากนี้ ยังไม่พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนว่าการดื่มน้ำอุ่นหรือรักษาความชุ่มชื้นของลำคอสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้ แม้ว่าการดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยรักษาสุขภาพโดยรวม
สำหรับประชาชนในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคมของทุกปี หากมีอาการไข้สูง ไอ หรือปวดเมื่อยตัว ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง
กลุ่มเสี่ยงที่ควรฉีดวัคซีนฟรีในไทย
- หญิงตั้งครรภ์ (อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป)
- เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่ม (ปอด, หอบหืด, หัวใจ, หลอดเลือดสมอง, ไตวาย, มะเร็งที่รับเคมีบำบัด, เบาหวาน)
- ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้ป่วยธาลัสซีเมีย และผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
- ผู้ป่วยโรคอ้วน (น้ำหนักเกิน 100 กก. หรือ BMI > 35)
- ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
นอกจากนี้ กรมควบคุมโรค ยังได้แนะนำให้ผู้ที่มีแผนเดินทางไปต่างประเทศในประเทศที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ให้ปฏิบัติดังนี้:
- หากเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ เช่น ญี่ปุ่น ควร ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ก่อนเดินทาง
- แม้ว่าวัคซีนของไทยจะใช้สำหรับซีกโลกใต้ แต่วัคซีนของปี 2567 – 2568 ตรงกับสายพันธุ์ที่ระบาดในซีกโลกเหนือ จึงยังช่วยป้องกันได้
- ดูแลสุขอนามัย: สวมหน้ากากอนามัย, ล้างมือบ่อย ๆ หรือเจลแอลกอฮอล์
- ทำประกันการเดินทาง เพื่อความสะดวกในการเข้ารับการรักษาในต่างประเทศ
ที่มา: กรมควบคุมโรค, กรมประชาสัมพันธ์
สรุป
ข้อกล่าวอ้างที่ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขเตือนว่า ไข้หวัดใหญ่ครั้งนี้มีความร้ายแรง ขอให้งดเดินทางและกิจกรรมทุกประเภทที่ไม่จำเป็น นั้น เป็นข้อมูลที่ชวนให้เข้าใจผิด โดยกรมควบคุมโรคได้ยืนยันว่าไม่มีการประกาศห้ามเดินทางหรืองดกิจกรรมใดๆ
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันไข้หวัดใหญ่กำลังแพร่ระบาดมากขึ้นจริง และภาครัฐมีมาตรการเฝ้าระวัง และแนะนำให้ผู้ที่อยู่กลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีนประจำปี

Title:กรมควบคุมโรค ยืนยันข้อความ “งดเดินทางเนื่องจากไข้หวัดใหญ่ระบาด” ไม่เป็นความจริง
Written By: Cielito WangResult: Misleading