ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2568 สถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดพระวิหารและช่องบก จ.อุบลราชธานี ได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อและประชาชนทั้งสองประเทศ เนื่องจากมีการกล่าวอ้างที่เกี่ยวข้องกับการใช้โดรนและเหตุการณ์ทางการเมืองที่อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ข้อกล่าวอ้างที่ 1: ไทยส่งโดรนรุกล้ำเขตกัมพูชาเพื่อสอดแนม
สื่อกัมพูชาหลายแห่ง รวมถึงสำนักข่าว Khmer Times รายงานเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2568 ว่า ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่ในจังหวัดพระวิหาร สามารถสกัดกั้นโดรนที่บินรุกล้ำน่านฟ้าประเทศเพื่อวัตถุประสงค์ในการลาดตระเวน โดยอ้างว่าโดรนดังกล่าวถูกส่งมาจากกองทัพไทยเพื่อสอดแนมการเคลื่อนไหวของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ของกัมพูชาในพื้นที่แนวหน้าชายแดน ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา
ข้อกล่าวอ้างที่ 2: คลิป ฮุน เซน ลูบหัว ภูมิธรรม
มีกระแสข่าวบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับภาพหรือคลิปที่อ้างว่าแสดงให้เห็นสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานวุฒิสภากัมพูชา “ลูบหัว” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย ซึ่งถูกตีความว่าเป็นท่าทีที่แสดงถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ใกล้ชิดหรืออาจถูกใช้เพื่อสร้างความเข้าใจผิดในบริบททางการเมือง โดยเฉพาะในช่วงที่ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชามีความตึงเครียดจากเหตุการณ์ชายแดน
ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ข้อกล่าวอ้างที่ 1:
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกของไทย ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวอ้างนี้เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2568 โดยยืนยันว่า ไทยไม่ได้ส่งโดรนเข้าไปในน่านฟ้ากัมพูชา และโดรนที่ถูกกล่าวถึงไม่ใช่ของกองทัพไทย พล.ต.วินธัย ระบุว่า การใช้โดรนในพื้นที่ชายแดนถือเป็นเรื่องปกติ โดยทั้งสองฝ่าย (ไทยและกัมพูชา) ต่างใช้โดรนในพื้นที่ที่มีการอ้างสิทธิ์ทับซ้อน ซึ่งยังไม่มีการแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน ทำให้ยากที่จะระบุได้ว่าโดรนใดรุกล้ำเขตแดนของฝ่ายใด แต่ยืนยันว่า ไทยเราไม่มีการส่งโดรนเข้าไป และโดรนดังกล่าวก็ไม่ใช่ของไทยแต่อย่างใด
นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบว่า โดรนที่อยู่ในคลิปที่กล่าวอ้าง เป็นโดรนที่มีจำหน่ายทั่วไป ไม่ใช่โดรนที่ใช้ในการทหาร และมีลักษณะแตกต่างจากโดรนติดอาวุธของกองทัพไทย
ทั้งนี้ กองทัพไทยยืนยันว่าไม่ได้ใช้โดรนใดๆ เข้าไปสอดแนมชายแดนกัมพูชา และโฆษกกองทัพบกของไทยยังชี้ว่า การเคลื่อนไหวของกองทัพกัมพูชามีการเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลาย จึงไม่มีความจำเป็นที่กองทัพไทยจะต้องใช้โดรนเพื่อสอดแนม (ที่มา: มติชน)
ข้อกล่าวอ้างที่ 2:
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของไทย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ว่า ภาพหรือคลิปดังกล่าวถูกสร้างขึ้นโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และไม่ใช่เหตุการณ์จริง โดยระบุว่าการเผยแพร่ภาพดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา และได้สั่งการให้มีการตรวจสอบและดำเนินการหาตัวผู้รับผิดชอบในการปล่อยภาพนี้ นอกจากนี้ นายภูมิธรรมก็ได้ยืนยันกับสื่อมวลชนว่า วิดีโอดังกล่าวสร้างขึ้นโดยใช้ AI (ที่มา: PPTV, แนวหน้า)
นอกจากนี้ เราได้ตรวจสอบเพิ่มเติมโดยการใช้โปรแกรมตรวจจับภาพ AI ก็ได้ผลลัพธ์ว่าภาพดังกล่าวมีแนวโน้มสูงว่าสร้างขึ้นโดยใช้ AI เช่นเดียวกัน
สถานการณ์ชายแดนและความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2568 สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเกิดความตึงเครียดขึ้นจากเหตุปะทะระหว่างกองกำลังทั้งสองฝ่ายที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะฝ่ายไทยลาดตระเวนในพื้นที่ที่ถือปฏิบัติมาโดยตลอด และนำไปสู่การป้องกันตัวของฝ่ายไทยเพื่อรักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน โดยรัฐบาลไทยยืนยันว่าดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและเน้นการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี
หลังเหตุปะทะ รัฐบาลทั้งสองประเทศได้หารืออย่างใกล้ชิดในทุกระดับ รวมถึงการพูดคุยระหว่างนายกรัฐมนตรี โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะใช้กลไกทวิภาคี เช่น คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ในการแก้ไขปัญหาเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย และมีการนัดประชุม JBC ในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ที่กัมพูชา
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชาได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้น โดยมีการเสริมกำลังทหารพร้อมอาวุธหนักบริเวณชายแดน และขู่ว่าจะนำข้อพิพาทขึ้นสู่ศาลระหว่างประเทศ (ICJ) ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงใช้ท่าทีระมัดระวัง เน้นการเจรจาและหลีกเลี่ยงมาตรการที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวชายแดน เช่น การปิดด่าน ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนว่าอาจเป็นการยอมอ่อนข้อให้กัมพูชา
ในภาพรวม แม้จะมีเหตุปะทะและความตึงเครียดเป็นระยะ แต่รัฐบาลทั้งสองประเทศยังคงยึดมั่นในความร่วมมือและการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ภายใต้กรอบกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ โดยยืนยันว่าความสัมพันธ์โดยรวมยังคงแน่นแฟ้นในหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว และความร่วมมือด้านความมั่นคง ซึ่งสะท้อนจากการเยือนและหารือระดับผู้นำเมื่อเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา
(ที่มา: Thai Post, กระทรวงการต่างประเทศ, Bangkok Post, The Nation)
สรุป
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าไทยส่งโดรนรุกล้ำน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อสอดแนมตามที่สื่อกัมพูชากล่าวอ้าง โดยกองทัพบกไทยยืนยันว่าไม่มีการส่งโดรนเข้าไปดังที่กล่าวอ้าง และโดรนที่ปรากฏก็ไม่ใช่อุปกรณ์ทางการทหารของไทย ขณะเดียวกัน สำหรับข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับคลิปหรือภาพที่ฮุน เซน ลูบหัวภูมิธรรม ทั้งนายภูมิธรรมและกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ยืนยันว่าคลิปดังกล่าวไม่ใช่เหตุการณ์จริง และถูกสร้างโดยใช้ AI ซึ่งอาจมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจผิดในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอยู่ในภาวะอ่อนไหว

Title:ตรวจสอบข้อเท็จจริงประเด็นความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
Fact Check By: Cielito WangResult: False