
เมื่อเร็วๆ นี้ มีการแชร์ข้อความว่ามี SMS สอบถามเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่เมื่อตอบกลับ SMS ด้วยการกดเลข “1” หรือ “2” จะทำให้ถูกดูดเงินในบัญชี
โพสต์บนโซเชียลมีเดีย
มีข้อความแพร่กระจายทั้งบนแพลตฟอร์ม LINE และ Facebook ที่ระบุว่า เมื่อตอบกลับข้อความ SMS สอบถามการฉีดวัคซีนโควิด 19 จะถูกดูดเงินออกจากบัญชีธนาคาร โดยมีเนื้อหาดังนี้:
“เตือนให้ระวัง !!! ที่เมืองจีนโดนแล้ว จะมีข้อความถามว่า คุณได้รับการฉีดวัคซีน”โควิด19″หรือยัง ได้รับแล้วโปรดกด “1” ยังไม่ได้ฉีดโปรดกด “2” เกือบทุกคนก็จะกด “1” ก็จะโดนดูดเงินออกจากบัญชี เมืองไทยกำลังจะมา..หากมีข้อความทำนองนี้ส่งเข้าไปในโทรศัพท์ของท่าน ก็ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น..ลบทิ้งลูกเดียว ผู้ที่ลบเองไม่เป็น..รีบให้ลูกหลานลบให้”
ตรวจสอบข้อเท็จจริง
มี SMS ลักษณะดังกล่าวระบาดที่จีนจริงหรือไม่?
จากการตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ เราไม่พบรายงานข่าวเกี่ยวกับข้อความสอบถามเกี่ยวกับการรับวัคซีนโควิด-19 ที่เมื่อตอบกลับแล้วจะทำการแฮ็กข้อมูลหรือดูดเงินออกจากบัญชีธนาคารได้
อย่างไรก็ตาม ในปี 2022 สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ได้ออกแถลงการณ์เตือนคนไทยในจีนให้ระวัง มีข้อความแจ้งเตือน/โทรศัพท์มิจฉาชีพหลอกถามข้อมูลสำคัญของประชาชน ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน โดยเตือนให้ระมัดระวัง อย่าให้ข้อมูลสำคัญ อาทิ ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์มือถือ หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนกับคนแปลกหน้าเด็ดขาด และขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและความถูกต้องทุกครั้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก่อนเสมอ แต่ไม่มีการกล่าวถึงกรณีการตอบข้อความด้วยการกด 1 หรือ 2 แล้วจะถูกดูดเงินออกจากบัญชีแต่อย่างใด
กด “1” หรือ “2” ผ่าน SMS/โทรศัพท์ แล้วเงินจะถูกดูดออกจากบัญชีได้หรือไม่?
ในทางเทคนิค การกดตัวเลข “1” หรือ “2” บนโทรศัพท์ (ทั้ง SMS หรือระบบ IVR) ไม่สามารถทำให้เงินในบัญชีธนาคารของคุณถูกโอนออกไปโดยอัตโนมัติ เว้นแต่จะให้ข้อมูลสำคัญ เช่น เลขบัตรประชาชน เลขบัญชี รหัส OTP หรือข้อมูลบัตรเครดิตกับมิจฉาชีพ
โดยส่วนมากแล้ว กลโกงที่อาศัยให้กดตัวเลขมักใช้เพื่อยืนยันตัวตนหรือหลอกให้เหยื่อสนใจและติดต่อกลับ จากนั้นจึงจะพยายามขอข้อมูลส่วนตัวหรือหลอกให้โอนเงิน และในบางกรณี การกดตัวเลขอาจทำให้โทรศัพท์ของคุณถูกคิดค่าบริการพิเศษ (เช่น เบอร์พรีเมียม) แต่ไม่ใช่การดูดเงินจากบัญชีธนาคารโดยตรง
รูปแบบกลโกงที่พบจริง
รูปแบบกลโกงที่มักพบเห็นได้จริงคือ มิจฉาชีพอาจส่งข้อความหรือโทรศัพท์แอบอ้างเป็นหน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจ โรงพยาบาล หรือธนาคาร เพื่อขอข้อมูลส่วนตัวหรือให้คลิกลิงก์อันตราย (phishing) โดยอาจมีการขอให้เหยื่อกดตัวเลขเพื่อยืนยัน หรือให้โทรกลับเบอร์พิเศษที่คิดค่าบริการสูง แต่ไม่ใช่การดูดเงินจากบัญชีธนาคารโดยตรงเพียงแค่กดตัวเลข โดยปกติแล้ว การหลอกให้โอนเงินมักเกิดขึ้นหลังจากเหยื่อให้ข้อมูลส่วนตัวหรือโอนเงินเอง ไม่ใช่จากการกดเลขใน SMS/โทรศัพท์เพียงอย่างเดียว
มีการหลอกลวงเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 จริงหรือไม่?
มีการหลอกลวงเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ทั้งในจีน และประเทศอื่น ๆ เช่น การขายวัคซีนปลอม การหลอกให้โอนเงินเพื่อจองวัคซีน หรือขอข้อมูลส่วนตัวผ่านข้อความหรือโทรศัพท์ ไม่ใช่การส่งข้อความให้กดตัวเลขแล้วเงินหายไปทันที และในไทย มีกรณีหลอกให้โอนเงินซื้อวัคซีนหรือขอข้อมูลส่วนตัวผ่านโซเชียลมีเดีย แต่ยังไม่พบรายงานว่ามีการส่ง SMS ให้กด “1” หรือ “2” แล้วเงินในบัญชีจะถูกดูดออกทันที (อ่านข่าวที่นี่ และที่นี่)
ข้อแนะนำ
- หากได้รับข้อความหรือโทรศัพท์ลักษณะนี้ ไม่ควรตอบกลับหรือให้ข้อมูลใด ๆ และควรลบข้อความทิ้ง
- หากสงสัยว่าเป็นกลโกง ควรตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง หรือขอคำแนะนำจากผู้ที่มีความรู้
สรุป
ข้อความที่ว่า “กด 1 หรือ 2 แล้วเงินจะถูกดูดออกจากบัญชี” ไม่เป็นความจริงตามหลักการเทคนิคและข้อเท็จจริงที่พบในจีนและไทย โดยแม้ว่ากลโกงที่เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 จะมีจริง เช่น การหลอกขายวัคซีนปลอม การหลอกขอข้อมูลส่วนตัว หรือการหลอกให้โอนเงิน แต่ยังไม่พบรูปแบบที่แค่กด “1” หรือ “2” แล้วเงินจะหายไปทันที การกดตัวเลขในระบบโทรศัพท์อัตโนมัติหรือ SMS อาจนำไปสู่การถูกคิดค่าบริการพิเศษ หรือเป็นจุดเริ่มต้นให้มิจฉาชีพติดต่อกลับมาหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวเท่านั้น
สิ่งที่ควรระวังและให้ความสำคัญคือ อย่าให้ข้อมูลส่วนตัว รหัส OTP หรือข้อมูลทางการเงินกับคนแปลกหน้า และอย่าคลิกลิงก์ในข้อความที่ไม่น่าเชื่อถือ
ที่มาข้อมูล:
SBS Thai – วิธีสังเกตและป้องกันตัวเองจากการหลอกลวงเกี่ยวกับโควิด-19
ธนาคารแห่งประเทศไทย – คู่มือป้องกันภัยการเงิน
UK Government – Be Alert to Vaccine Fraud

Title:กด 1 หรือ 2 ตอบ SMS แล้วเงินจะถูกดูดออกจากบัญชี จริงหรือไม่?
Fact Check By: Cielito WangResult: False