โพรไบโอติกรักษามะเร็งได้จริงหรือไม่?

โพรไบโอติก (Probiotic) เป็นจุลินทรีย์มีชีวิตที่พบได้ในอาหารเสริมหรืออาหารหมักดอง กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใส่ใจสุขภาพ เนื่องจากมีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหาร อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ มีข้อความที่อ้างว่าโพรไบโอติกสามารถช่วยรักษาโรคมะเร็งได้ โพสต์บนโซเชียลมีเดีย มีข้อความแพร่กระจายบนโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม Facebook ระบุว่ามีผู้เชี่ยวชาญที่ทำวิจัยและได้คิดค้นวิธีรักษามะเร็งโดยใช้โพรไบโอติก ที่มา | ลิงก์ถาวร ตรวจสอบข้อเท็จจริง เราได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อกล่าวอ้างที่ระบุว่า ดร.บรรยง ค้นพบวิธีรักษามะเร็งนั้น เราพบข่าวเกี่ยวกับบุคคลดังกล่าว โดยมีรายงานข่าวว่า นายบรรยง นัยเดช เคยมีประวัติถูกจับกุมในข้อหาลักลอบผลิตยาและอาหารเสริมโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมเปิดคลินิกรักษาโรคผิดกฎหมาย โดยนายบรรยงเคยเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารและบริษัททัวร์ชื่อดังในจังหวัด ก่อนหันมาทำธุรกิจยาและอาหารเสริม (ที่มา) ดังนั้น ข้อกล่าวอ้างข้างต้นจึงเป็นข้อมูลเท็จและหลอกลวง นอกจากนี้ องค์การอาหารและยา ยังเผยแพร่บทความชี้แจงเกี่ยวกับข้อกล่าวอ้างดังกล่าว โดย เภสัชกรวีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เตือนว่ามีการเผยแพร่ข่าวปลอมเกี่ยวกับการรักษามะเร็งด้วยโพรไบโอติกทางออนไลน์ ข้อกล่าวอ้างเหล่านี้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ โพรไบโอติกเป็นเพียงจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร ไม่สามารถรักษาโรคมะเร็งได้ การเชื่อข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้ผู้ป่วยละเลยการรักษาที่เหมาะสมและเสี่ยงอันตราย นอกจากนี้ ยังมีข่าวปลอมเกี่ยวกับการรักษามะเร็งด้วยน้ำต้มสมุนไพรจีน ซึ่งก็ไม่เป็นความจริง ผู้ป่วยโรคมะเร็งควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้วิธีการรักษาเสริมใดๆ (ที่มา) อย่างไรก็ตาม โพรไบโอติกถือเป็นสารอาหารที่เป็นที่ยอมรับว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายจริง แต่แม้ว่าโพรไบโอติกจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ โดยเฉพาะกับการรักษาสมดุลในลำไส้ แต่ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าโพรไบโอติกสามารถรักษามะเร็งได้จริง มะเร็งเป็นกลุ่มโรคที่ซับซ้อนซึ่งเกิดจากการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ […]

Continue Reading

ข้อความว่าไทยเป็นมีผู้ป่วยมะเร็งอันดับ 1 ของเอเชียเป็นข้อมูลเท็จ

เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มีข้อความแพร่กระจายบนโซเชียลมีเดียที่ระบุว่า องค์การอนามัยโลกประกาศว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยโรคมะเร็งอันดับ 1 ของเอเชีย โพสต์บนโซเชียลมีเดีย มีผู้ใช้ Facebook หลายรายได้แชร์ข้อความว่า “ช็อก!!! ไทยได้เป็นอันดับที่ 1 แล้ว องค์การอนามัยโลกรายงานตอนนี้ไทยเป็นมะเร็งเบอร์ 1 ของเอเชียแล้ว อัตราส่วน1 คนจาก 8 คน สาเหตุเกิดจาก 1. กินเนื้อสัตว์ย่าง 2. กินอาหารกะทิค้างคืน 3. กินกล้วยแขกปาท่องโก๋ขนมครก 4. กินผัดผักค้างคืน 5. ใช้กล่องโฟมใส่อาหาร สัมผัสสารก่อมะเร็งจากกล่องโฟม” ที่มา | ลิงก์ถาวร  ที่มา | ลิงก์ถาวร ที่มา | ลิงก์ถาวร อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ตรวจสอบข้อเท็จจริง อันดับประเทศที่มีผู้ป่วยมะเร็งมากที่สุดในเอเชีย: ข้อมูลจากเว็บไซต์ World Cancer Reserch Fund International ได้ระบุว่า ประเทศที่มีอัตราผู้ป่วยโรคมะเร็งมากที่สุดในเอเชียได้แก่ จีน […]

Continue Reading

อย่าแชร์ต่อ! ข้อมูลว่า “กินเมล็ดมะละกอรักษามะเร็งได้” ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ

มีข้อมูลแพร่กระจายบนแพลตฟอร์ม LINE โดยระบุว่า การกินเมล็ดมะละกอสุกวันละ 3 เมล็ดโดยไม่ต้องกินน้ำตาม จะช่วยรักษาโรคมะเร็งได้ ข้อกล่าวอ้างบนโซเชียลมีเดีย เราได้รับเบาะแสผ่านทางไลน์ตรวจสอบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับข้อความที่มีการส่งต่อกันอย่างแพร่หลายใน LINE เมื่อเร็วๆ นี้ โดยระบุว่า: “”คนไทยเก่งที่สุดในโลก” เป็นผลงานการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จากการกินเมล็ดมะละกอสุกเพียงวันละ3เมล็ดโดยไม่ต้องกินน้ำตาม เมล็ดมะละกอจะเข้าไปทำลายเกราะที่หุ้มตัวเซลมะเร็ง ตามภาพเซลมะเร็งจะเป็นภาพขนาดใหญ่ ส่วนเม็ดเลือดขาวจะเป็นเม็ดเล็กๆและเข้าไปทำลายเซลมะเร็งได้ คณะผู้วิจัยได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว ไม่มีประเทศใดทำได้สำเร็จเหมือนประเทศไทย คนไทยค้นพบการทำลายเซลมะเร็งได้ โดยไม่ต้องใช้สารเคมี เป็นรายเดียวและเป็นรายแรกของโลก ช่วยกันเป็นกำลังใจให้กับคนไทยของเราด้วยนะคะ ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะ จาก.ดร.วิฬารี สว่างพลกรัง” ส่งข้อมูลหรือเบาะแสข่าวให้เราช่วยตรวจสอบได้ที่นี่ นอกจากนี้ จากการค้นหาเพิ่มเติม เรายังพบว่าข้อกล่าวอ้างดังกล่าวมีการแพร่กระจายบนแพลตฟอร์ม Facebook เช่นเดียวกัน ที่มา | ลิงก์ถาวร ที่มา | ลิงก์ถาวร ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า จากข้อมูลวิชาการ ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าการรับประทานเมล็ดมะละกอสุกช่วยรักษามะเร็งระยะสุดท้ายในคนได้ อย่างไรก็ตาม เมล็ดมะละกอประกอบไปด้วยสารต่าง ๆ เช่น กรดไขมัน โปรตีน […]

Continue Reading

จริงหรือไม่: ทานผลไม้ตอนท้องว่างช่วยรักษามะเร็ง – ดื่มน้ำเย็นเสี่ยงมะเร็ง?

ทีมงาน Fact Crescendo Thailand ได้รับเบาะแสผ่านทางไลน์ตรวจสอบข้อเท็จจริงของเรา เกี่ยวกับข้อความที่กำลังแพร่กระจายบนแพลตฟอร์ม LINE อย่างแพร่หลาย โดยระบุว่า ควรกินผลไม้เฉพาะตอนท้องว่างเท่านั้น และไม่ควรดื่มน้ำเย็น เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้ ข้อกล่าวอ้างบนโซเชียลมีเดีย ข้อความแพร่กระจายบนโซเชียลมีเดีย อ้างว่าควรรับประทานผลไม้ก่อนอาหาร หรือตอนท้องว่าง ซึ่งจะช่วยรักษามะเร็งได้ และในส่วนหลังของข้อความยังระบุว่า ไม่ควรดื่มน้ำเย็น เพราะอาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ โดยเราพบว่าข้อความดังกล่าวมีการแพร่กระจายบน Facebook มาเป็นเวลาหลายปีแล้วอีกด้วย Source | Archive คำอธิบายจากผู้เชี่ยวชาญ ควรทานผลไม้ขณะท้องว่าง จริงหรือไม่? แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็ง: Dr. Aravinda Dissanayake ศัลยแพทย์ด้านเนื้องอกวิทยา ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็ง ยืนยันกับ Fact Crescendo ว่า ยังไม่มีการศึกษาวิจัยที่พิสูจน์ได้ว่าการกินผลไม้ในขณะท้องว่างสามารถรักษามะเร็งได้ ผู้อำนวยการโครงการควบคุมมะเร็งแห่งชาติ ศรีลังกา: Dr. Janaki Vidanapathirana ผู้อำนวยการโครงการควบคุมมะเร็งแห่งชาติ ประเทศศรีลังกา อธิบายว่า การกินผักและผลไม้ในขณะท้องว่างนั้นสามารถทำได้ และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ผลการศึกษาพบว่าการกินผักและผลไม้สามารถช่วยป้องกันโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง […]

Continue Reading

ลดกระจกรถก่อนเปิดแอร์ ลดสารพิษภายในรถได้จริงหรือไม่?

อินเทอร์เน็ตถือเป็นคลังข้อมูลที่ดีและมีประโยชน์ แต่นอกจากจะมีข้อมูลและความรู้ที่เป็นประโยชน์แล้ว หลายครั้งก็มีข้อมูลผิดๆ ที่ทำให้สร้างความสับสนให้แก่ผู้คน เราพบอีกข้อมูลที่แพร่กระจายในโซเชียลมีเดียมาเป็นเวลาหลายปีที่ถูกนำมาแชร์ใหม่อีกครั้ง โดยเป็นข้อความที่เตือนผู้คนถึงอันตรายจากสารเบนซีนที่ระเหยจากอุปกรณ์พลาสติกภายในรถ และเตือนให้ผู้คนลดกระจกลงก่อนเปิดแอร์เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว ข้อกล่าวอ้างบนโซเชียลมีเดีย: เราพบข้อความที่ส่งต่อกันผ่านแอปพลิเคชัน LINE เกี่ยวกับอันตรายจากการขึ้นรถแล้วไม่เปิดหน้าต่าง โดยมีเนื้อหาว่า: “ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ต้องเลื่อนกระจกลง2-3 นาฑีก่อนเปิดแอร์ คู่มือรถทุกคันจะบอกว่า เมื่อขึ้นรถแล้วให้ลดกระจกลงก่อนเปิดแอร์เพื่อถ่ายเทความร้อนในตัวรถออกไป ทำไมถึงบอกอย่างนั้น? ไม่น่าแปลกใจที่ปัจจุบันมีคนตายด้วยมะเร็งมากขึ้น เวลาขึ้นรถ อย่าเพิ่งรีบเปิดแอร์ทันที ให้ลดกระจกลงเพื่อให้ความร้อนระบายออกไป อย่างน้อยสัก 2-3 นาทีถึงค่อยเปิดแอร์ เพราะอุปกรณ์พลาสติกในรถ เมื่อโดนความร้อนสะสมในรถจะมีการปล่อยสารเบนซีน ที่เป็นสารก่อมะเร็งออกมา มีผลต่อสุขภาพ กระดูก และลดปริมาณเม็ดเลือดขาว ในระยะยาวจะทำให้เป็นลิวคีเมีย และเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุทำให้หญิงตั้งครรภ์แท้งบุตรได้ ระดับสารเบนซีนในที่ร่มที่รับได้คิอ 50 ม.ก. ต่อตารางฟุต รถที่จอดในที่ร่มแต่ปิดหน้าต่าง จะมีสารเบนซีน 400-800 ม.ก. คือ 8 เท่าของระดับที่รับได้ แต่หากจอดรถกลางแจ้ง ที่มีอุณหภูมิ 60 องศาฟาเรนไฮต์ ระดับสารเบนซีนจะขึ้นไปถึง 2000-4000 ม.ก. คือ 40 เท่าของระดับที่รับได้ […]

Continue Reading

ภาพไวรัลบนโซเชียลเกี่ยวกับอันตรายของหูฟังบลูทูธยังไม่มีหลักฐานรองรับเพียงพอ

จากที่มีรูปภาพระบุถึงอันตรายของการใช้หูฟังแบบบลูทูธแชร์กันอย่างแพร่หลายบนโซเชียล โดยในรูปภาพดังกล่าวได้ใช้รูปภาพหูฟังบลูทูธและรูปภาพสมองของมนุษย์ ซึ่งอาจทำให้ผู้อ่านมองว่าการใช้หูฟังบลูทูธนั้นส่งผลต่อสมองได้ Facebook Post | Archive ข้อความในภาพระบุว่า “หูฟังบลูทูธใช้คลื่นวิทยุเพื่อเชื่อมต่อกับผู้ใช้ โดยในกรณีของ Airpods หูฟังทั้งสองข้างเชื่อมต่อกันแบบไร้สายโดยมีสมองของผู้ใช้คั่นตรงกลาง ทำให้สมองสัมผัสกับคลื่น EMF ที่ก่อให้เกิดอันตรายได้ การศึกษาในอังกฤษยืนยันว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่มีส่วนทำให้อัตราโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น 40% ตั้งแต่ปี 1998 เป็นต้นมา เมื่อใช้หูฟัง ควรเลือกใช้หูฟังแบบสายแทนการใช้หูฟังไร้สาย” ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีการแชร์ออกไปกว่า 200 ครั้ง Facebook | Archive อีกหนึ่งโพสต์บนเฟซบุ๊กที่พูดถึงอันตรายของหูฟังแบบบลูทูธที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มีหลายฝ่ายที่แสดงความกังวลว่าคลื่น EMF อาจส่งผลต่อสมองได้ โดยคลื่น EMF หรือ Electromagnetic fields เป็นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปล่อยออกมาจากเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะอุปกรณ์บลูทูธ แต่ยังรวมถึงไมโครเวฟ โทรศัพท์มือถือ หรือแม้กระทั่งคอมพิวเตอร์อีกด้วย สรุปง่ายๆ ได้ว่า มนุษย์เราใช้ชีวิตอยู่กับคลื่น EMF มาตั้งแต่จะมีหูฟังแบบบลูทูธแล้ว แต่คลื่นที่ว่านี้ปลอดภัยต่อมนุษย์จริงๆ หรือไม่? ข้อกล่าวอ้าง: หูฟังบลูทูธปล่อยคลื่น EMF ที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง ข้อเท็จจริง: ผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นได้ยืนยันว่าระดับคลื่น […]

Continue Reading