ภาพ ‘เพียว อัจฉราพร’ ชูสามนิ้ว ถูกนำมาโยงว่าเลือกข้างทางการเมือง

เมื่อวานนี้ (29 มิถุนายน) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เดินทางไปให้กำลังใจทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ในการแข่งขันกับทีมชาติตุรกี ในศึกเนชั่นลีกส์ ณ สนามกีฬาอินดอร์สเดเดียม หัวหมาก โดยได้รับความสนใจจากผู้ชมในสนาม และผู้คนในโซเชียลมากมาย (อ่านข่าวที่นี่)

ต่อมา ม.จ. จุลเจิม ยุคล ได้โพสต์ภาพของเพียว อัจฉราพร นักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ทำท่าทางชูสามนิ้ว พร้อมข้อกล่าวอ้างว่าเป็นการแสดงการเลือกข้างทางการเมือง ขณะกำลังปฏิบัติภารกิจรับใช้ชาติในฐานะทีมชาติไทย โดยระบุในโพสต์ว่า:

“ทำเพื่อใคร เพื่อชาติ หรือเพื่อเอาใจใคร? จะรักใคร ชอบใครก็เป็นสิทธิส่วนตัวของแต่ละบุคคล แต่ควรเก็บไว้เบื้องหลังก็ได้ ไม่ต้องมาโชว์ในการทำภารกิจให้ประเทศชาติ ผมถือว่าคนพวกนี้มีส่วนสร้างความแตกแยกให้สังคมมากขึ้น ไม่สมควรจะเป็นตัวแทนของชาติไทยอีกต่อไป”

(Archive)

ล่าสุด สรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้โพสต์ข้อความชี้แจงในเพจเฟซบุ๊ก ‘กรรมกรข่าว’ ถึงข้อกล่าวอ้างดังกล่าว โดยระบุว่าตนได้มีโอกาสคุยกับเพียว อัจฉราพร แล้ว และเพียวระบุว่าภาพดังกล่าวเป็นการทำสัญญาณสื่อสารในทีม ที่หมายถึง ‘หน้าสาม’ ซึ่งหมายถึงการวางตำแหน่งเซตเตอร์ เป็นแผนการเล่นในทีม ไม่ได้มีสัญญะทางการเมืองใดๆ

นอกจากนี้ภาพที่เพียวในข้อกล่าวอ้างนั้นมาจากการแข่งขันที่ประเทศบราซิลเมื่อก่อนหน้านี้ วันที่ 18 มิถุนายน ไม่ใช่ภาพล่าสุดในนัดที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลมารับชมที่สนามแข่งขันแต่อย่างใด

(Archive)

และต่อมาสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ได้ออกจดหมายแถลงชี้แจงกรณีนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยถูกโยงประเด็นทางการเมือง พร้อมระบุว่า

“ในอีกส่วนหนึ่งที่มีการเผยแพร่ภาพนักกีฬาชูนิ้วคล้ายๆ สัญลักษณ์ของกลุ่มการเมืองหนึ่ง แล้วโยงเป็นเรื่องกีฬากับการเมืองนั้น ความจริงไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงคือ เป็นภาพจากการแข่งขันวอลเลย์บอลเนชั่นลีก สัปดาห์ที่สอง ที่ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2566 ที่อัจฉราพร คงยศ นักกีฬาทีมชาติไทยแสดงสัญลักษณ์เพื่อให้เพื่อนร่วมทีมรู้ว่าคู่ต่อสู้จะเล่นในลักษณะใดทีมเราควรจะเตรียมพร้อมตั้งรับตามแผนที่ผู้ฝึกสอนวางไว้อย่างไร หรือที่ในวงการกีฬาเรียกว่าการส่งซิกกัน”

นอกจากนี้ทางสมาคมฯ ยังย้ำอีกด้วยว่าจะไม่นำเอาการเมืองมายุ่งเกี่ยวกับกีฬาวอลเลย์บอล

(Archive)

และ ล่าสุด ม.จ. จุลเจิม ผู้เผยแพร่ข้อกล่าวอ้าง ได้ออกมาโพสต์ขอโทษเพียว อัจฉราพรในเฟซบุ๊กของตนแล้ว

(Archive)