TikTok เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ที่ใช้แอปนี้เพื่อสร้างสรรค์และแชร์คลิปวิดีโอสั้นๆ ในรูปแบบใหม่ๆ มากมาย TikTok มีผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกานับสิบล้านคน และได้กลายเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับผู้สร้างคอนเทนต์ในการหารายได้ หาฐานผู้ติดตาม และสร้างอิทธิพลทางวัฒนธรรม อย่างไรก็ตาม ความนิยมของ TikTok ในสหรัฐฯ กลับมาพร้อมกับความขัดแย้ง เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ มีความกังวลด้านความมั่นคงของประเทศ เพราะแอปนี้เป็นของบริษัท ByteDance ที่มีฐานอยู่ในจีน
โพสต์บนโซเชียลมีเดีย
ผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายรายได้แสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลายเกี่ยวกับคำสั่งปิด TikTok ของรัฐบาลสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้หลายรายที่ระบุว่าจีนพิจารณาขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับ Elon Musk อีกด้วย
ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ประวัติความเป็นมาของ TikTok และบริษัท ByteDance
TikTok เปิดตัวในปี 2016 โดยบริษัท ByteDance ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2012 โดย Zhang Yiming ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน TikTok เป็นการพัฒนาและปรับปรุงจากแอป Douyin ที่ให้บริการเฉพาะในจีน โดย TikTok ถูกออกแบบมาให้เข้าถึงผู้ใช้งานทั่วโลก ความสำเร็จของ TikTok มาจากการใช้เทคโนโลยี AI ในการคัดกรองและแนะนำเนื้อหาที่เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคน ปัจจุบัน TikTok มีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐฯ และสิงคโปร์เพื่อบริหารงานในตลาดนอกประเทศจีน
ความกังวลด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ
ทำไมรัฐบาลสหรัฐฯ ถึงกังวลเกี่ยวกับ ByteDance?
รัฐบาลสหรัฐฯ มีความกังวลว่า TikTok อาจเป็นเครื่องมือในการสอดแนมข้อมูลผู้ใช้งานโดยรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นไปได้ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของจีนที่บังคับให้บริษัทจีนต้องมอบข้อมูลแก่รัฐบาลหากมีการร้องขอ นอกจากนี้ การเก็บข้อมูลผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล เช่น ตำแหน่งที่ตั้ง รูปแบบการใช้งาน และพฤติกรรมการบริโภค อาจเสี่ยงต่อการถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม
ประวัติการพยายามแบน TikTok ในสหรัฐฯ
ความพยายามในการแบน TikTok เริ่มต้นในสมัยรัฐบาลทรัมป์ โดยมีการออกคำสั่งให้ ByteDance ต้องขายกิจการ TikTok ให้บริษัทอเมริกัน มิฉะนั้นแอปจะถูกแบนในสหรัฐฯ ต่อมาในยุครัฐบาลโจ ไบเดน แม้จะมีการยกเลิกคำสั่งดังกล่าว แต่ยังคงมีการตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล และล่าสุดในปี 2023 ศาลสูงสุดสหรัฐฯ อยู่ระหว่างพิจารณาคดีเกี่ยวกับการแบน TikTok
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการแบน
- ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน: ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ จะไม่สามารถดาวน์โหลดหรืออัปเดต TikTok ได้อีก หากมีการแบนในระดับรัฐบาลกลาง ซึ่งอาจทำให้แอปไม่สามารถใช้งานได้ในที่สุด
- ผลกระทบต่อธุรกิจ: ครีเอเตอร์และธุรกิจที่พึ่งพา TikTok ในการสร้างรายได้และการตลาดจะต้องหาแพลตฟอร์มใหม่ในการดำเนินกิจกรรม
- มิติทางการเมือง: การแบน TikTok อาจเพิ่มความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน
การตอบสนองของ TikTok ต่อข้อกล่าวหา
TikTok ยืนยันว่าไม่มีการแบ่งปันข้อมูลกับรัฐบาลจีน และได้ดำเนินการเพื่อเพิ่มความโปร่งใส เช่น การตั้งศูนย์เก็บข้อมูลในสหรัฐฯ และยุโรป นอกจากนี้ Shou Zi Chew CEO ของ TikTok ได้ออกมาแถลงต่อสภาคองเกรสเพื่ออธิบายมาตรการด้านความปลอดภัยของข้อมูล และปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า TikTok เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
TikTok จะขายกิจการในสหรัฐฯ ให้ Elon Musk หรือไม่?
เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2025 TikTok ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ว่าจีนกำลังพิจารณาขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับแพลตฟอร์ม X ของอีลอน มัสก์ โดยระบุว่า “ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด”
รายงานนี้มาจาก Bloomberg News ซึ่งอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อว่า จีนกำลังพิจารณาขายกิจการของ TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับ X เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกบังคับขายหรือปิดกิจการตามกฎหมายสหรัฐฯ ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 มกราคม 2025
กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ที่มีสำนักงานใหญ่ในจีน ต้องขายกิจการ TikTok ให้กับบริษัทในสหรัฐฯ มิเช่นนั้นอาจถูกบังคับปิดกิจการ เนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคง โดยรัฐบาลสหรัฐฯ เชื่อว่า TikTok อาจให้รัฐบาลจีนเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้และเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งทั้งรัฐบาลจีนและ ByteDance ต่างปฏิเสธข้อกล่าวหานี้
TikTok ได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านกฎหมายดังกล่าวต่อศาลสูงสุดสหรัฐฯ โดยศาลได้เริ่มพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2025 ซึ่งผู้พิพากษาส่วนใหญ่ยังคงไม่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งของ TikTok ที่ว่าการบังคับขายเป็นการละเมิดสิทธิในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ
อีลอน มัสก์ ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2025 และเป็นเจ้าของ Tesla ที่มีโรงงานใหญ่ในจีน ถูกกล่าวถึงว่าอาจมีบทบาทสำคัญในการเจรจาครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม TikTok ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเพิ่มเติม โดยกล่าวเพียงว่า “เราไม่สามารถแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องที่ไม่ใช่ความจริงได้”
TikTok จะถูกแบนทั่วโลกหรือไม่?
ปัจจุบันยังไม่มีแผนที่จะแบน TikTok ทั่วโลกในวันที่ 19 มกราคม 2025 ความท้าทายทางกฎหมายนี้จำกัดอยู่เฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดย ByteDance (บริษัทแม่ของ TikTok) จะต้องขายกิจการในสหรัฐฯ ภายในวันดังกล่าว มิฉะนั้นจะเผชิญกับข้อจำกัดต่างๆ ในขณะที่ศาลฎีกากำลังพิจารณากฎหมายนี้ การแบนที่อาจเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบเฉพาะในสหรัฐฯ เท่านั้น ส่วน TikTok ในประเทศอื่นๆ ยังคงดำเนินการได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม บางประเทศก็มีกฎระเบียบเฉพาะสำหรับแอปนี้
การแบนในสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ใช้และธุรกิจต่างๆ ผู้ใช้ในอเมริกาจะไม่สามารถดาวน์โหลดและอัพเดท TikTok ผ่าน App Store ของ Apple และ Google ได้ แอปเวอร์ชันที่ใช้งานอยู่อาจจะไม่เสถียรและมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และธุรกิจที่ใช้ TikTok ในการทำการตลาดจะต้องย้ายไปใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับลูกค้าและยอดขายได้
สรุป
ในขณะที่ข้อพิพาทระหว่าง TikTok และรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไป TikTok ได้ปฏิเสธข่าวลือที่ว่าจีนวางแผนจะขายกิจการให้กับอีลอน มัสก์อย่างชัดเจน และข้อกล่าวอ้างที่ว่า TikTok จะถูกแบนทั่วโลกจากกรณีนี้ก็ไม่เป็นความจริง เนื่องจากการแบนและประเด็นทางกฎหมายจะส่งผลกระทบเฉพาะ TikTok ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลก
ที่มา:
- The Independent: TikTok ban in US: When will the Chinese-owned social media app be banned?
- The Independent: What happens if the US bans TikTok?
- WBALTV: TikTok could be banned this month. Here’s what users can do to prepare
- The Strait Times: TikTok calls report of possible sale to Musk’s X ‘pure fiction’

Title:จีนจะขาย TikTok ให้กับสหรัฐฯ หรือไม่? รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ TikTok ในสหรัฐฯ
Fact Check By: Cielito WangResult: Insight