[อัปเดต] มิจฉาชีพรูปแบบใหม่ แฮ็กข้อมูลผ่านสายชาร์จได้จริงหรือไม่?

อัปเดตล่าสุดวันที่ 19 ม.ค. 2566 เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2566 มีผู้ใช้โซเชียลหลายรายได้โพสต์เตือนภัยและแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้สายชาร์จ เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายรายที่ได้เข้าแจ้งความเนื่องจากโดยแฮ็กข้อมูลและโอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร โดยมีรายงานว่าขณะนี้มีผู้เสียหายแล้วมากกว่า 10 ราย Source Post | Archive โดยเพจ “ประชาสัมพันธ์ audio” มีการแชร์เรื่องราวดังกล่าว โดยมีเนื้อความในโพสต์ว่า “#เตือนภัยด่วน ผู้ใช้มือถือระบบ “แอนดรอยด์” จำนวนมาก #ถูกดูดข้อมูลและสั่งโอนเงินออกจากบัญชีอัตโนมัติ เบื้องต้นคาดต้นเหตุมาจากสายชาร์จ” โดยในส่วนความคิดเห็นก็มีผู้ใช้มาโพสต์ข้อมูลยืนยันและแสดงความกังวลใจเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ทางตำรวจสอบสวนกลาง ก็ได้ออกมาแชร์เรื่องราวดังกล่าวและเตือนภัยให้ผู้ใช้ระวังภัยจากมิจฉาชีพรูปแบบใหม่นี้ Archive ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มกราคม ธนาคารแห่งชาติได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวพบผู้เสียหายจากการใช้งานสายชาร์จปลอม แล้วถูกดูดข้อมูล และโอนเงินออกจากบัญชีนั้น ธปท.หารือสมาคมธนาคารไทยเพื่อตรวจสอบกรณี ดังกล่าวแล้ว พบว่าไม่ได้เกิดจากการใช้งานสายชาร์จปลอม แต่เกิดจากผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมที่แฝงมัลแวร์ ทำให้มิจฉาชีพล่วงรู้ข้อมูลการทำธุรกรรมของลูกค้า และควบคุมเครื่องโทรศัพท์เพื่อสวมรอยทำธุรกรรมแทนจากระยะไกล เพื่อโอนเงินออกจากบัญชี นอกจากนี้ ทางตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระบุว่าจากการตรวจสอบเครื่องโทรศัพท์ของผู้เสียหายพบว่ามีการติดตั้งแอปหาคู่เถื่อน ชื่อว่า “Sweet meet” ลงในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสอดคล้องกับประวัติในการเข้าไปในเว็บไซต์เพื่อติดตั้งแอปดังกล่าว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ถูกดูดเงินออกจากแอปธนาคาร ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่เกี่ยวกับสายชาร์จดูดข้อมูลตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด ล่าสุดได้สั่งการให้ตำรวจเข้าดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยทางธนาคารแห่งชาติได้ยืนยันว่าสายชาร์จดูดข้อมูลนั้นมีจริง แต่ไม่สามารถดูดเงินออกจากแอปธนาคารได้ตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง […]

Continue Reading