ตรวจสอบข้อเท็จจริง: ใช้สายชาร์จ Android แล้วทำให้ iPhone 15 เครื่องร้อนเกินไป จริงหรือไม่

เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา Apple ได้เปิดตัว iPhone 15 โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรุ่นนี้ก็คือการเปลี่ยนมาใช้หัวชาร์จแบบ USB-C ซึ่งเป็นหัวชาร์จประเภทเดียวกับที่ใช้กับโทรศัพท์ Android ส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญสำหรับ Apple เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้พอร์ตแบบ Lightning ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Apple มาตั้งแต่ปี 2012 มาอย่างยาวนานจนถึง iPhone 14 การเปลี่ยนไปใช้ USB-C นั้นเกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงแรงกดดันจากสหภาพยุโรปซึ่งกำลังผลักดันให้มีมาตรฐานสำหรับหัวชาร์จที่เป็นรูปแบบเดียวกันสำหรับสมาร์ทโฟนทุกรุ่น นอกจากนี้ USB-C ยังเป็นพอร์ตที่มีความอเนกประสงค์มากกว่า Lightning โดยรองรับอุปกรณ์เสริมได้หลากหลาย รวมถึงความเร็วในการชาร์จที่เร็วกว่า อย่างไรก็ตาม เราพบข้อกล่าวอ้างที่ระบุว่าผู้ใช้ iPhone 15 ไม่ควรใช้สายชาร์จ USB-C ของโทรศัพท์แบบ Android กับ iPhone รุ่นล่าสุดตัวนี้ เพราะองค์ประกอบภายในพอร์ตที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจทำให้เครื่องร้อนเกินไปได้ ข้อกล่าวอ้างบนโซเชียลมีเดีย ช่อง TikTok “อาตี๋รีวิว” ได้โพสต์คลิปพร้อมพาดหัวว่า “งานเข้า iPhone 15!! อย่าใช้สายชาร์จของ […]

Continue Reading

[อัปเดต] มิจฉาชีพรูปแบบใหม่ แฮ็กข้อมูลผ่านสายชาร์จได้จริงหรือไม่?

อัปเดตล่าสุดวันที่ 19 ม.ค. 2566 เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2566 มีผู้ใช้โซเชียลหลายรายได้โพสต์เตือนภัยและแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้สายชาร์จ เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายรายที่ได้เข้าแจ้งความเนื่องจากโดยแฮ็กข้อมูลและโอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร โดยมีรายงานว่าขณะนี้มีผู้เสียหายแล้วมากกว่า 10 ราย Source Post | Archive โดยเพจ “ประชาสัมพันธ์ audio” มีการแชร์เรื่องราวดังกล่าว โดยมีเนื้อความในโพสต์ว่า “#เตือนภัยด่วน ผู้ใช้มือถือระบบ “แอนดรอยด์” จำนวนมาก #ถูกดูดข้อมูลและสั่งโอนเงินออกจากบัญชีอัตโนมัติ เบื้องต้นคาดต้นเหตุมาจากสายชาร์จ” โดยในส่วนความคิดเห็นก็มีผู้ใช้มาโพสต์ข้อมูลยืนยันและแสดงความกังวลใจเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ทางตำรวจสอบสวนกลาง ก็ได้ออกมาแชร์เรื่องราวดังกล่าวและเตือนภัยให้ผู้ใช้ระวังภัยจากมิจฉาชีพรูปแบบใหม่นี้ Archive ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มกราคม ธนาคารแห่งชาติได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า ตามที่ปรากฏข่าวพบผู้เสียหายจากการใช้งานสายชาร์จปลอม แล้วถูกดูดข้อมูล และโอนเงินออกจากบัญชีนั้น ธปท.หารือสมาคมธนาคารไทยเพื่อตรวจสอบกรณี ดังกล่าวแล้ว พบว่าไม่ได้เกิดจากการใช้งานสายชาร์จปลอม แต่เกิดจากผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมที่แฝงมัลแวร์ ทำให้มิจฉาชีพล่วงรู้ข้อมูลการทำธุรกรรมของลูกค้า และควบคุมเครื่องโทรศัพท์เพื่อสวมรอยทำธุรกรรมแทนจากระยะไกล เพื่อโอนเงินออกจากบัญชี นอกจากนี้ ทางตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระบุว่าจากการตรวจสอบเครื่องโทรศัพท์ของผู้เสียหายพบว่ามีการติดตั้งแอปหาคู่เถื่อน ชื่อว่า “Sweet meet” ลงในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสอดคล้องกับประวัติในการเข้าไปในเว็บไซต์เพื่อติดตั้งแอปดังกล่าว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ถูกดูดเงินออกจากแอปธนาคาร ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่เกี่ยวกับสายชาร์จดูดข้อมูลตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด ล่าสุดได้สั่งการให้ตำรวจเข้าดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยทางธนาคารแห่งชาติได้ยืนยันว่าสายชาร์จดูดข้อมูลนั้นมีจริง แต่ไม่สามารถดูดเงินออกจากแอปธนาคารได้ตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง […]

Continue Reading