การระบาดของเอ็มพ็อกซ์ “ไม่มีความเกี่ยวข้อง” กับงูสวัดหรือวัคซีนโควิด-19

Mpox (เอ็มพ็อกซ์) หรือชื่อเดิมคือ ฝีดาษลิง (Monkeypox) ได้กลายมาเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่ควรให้ความสำคัญ โดยเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้การระบาดของเชื้อไวรัสเอ็มพ็อกซ์เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เนื่องมาจากการระบาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (ที่มา) และท่ามกลางสถานการณ์ที่น่ากังวลนี้ เราพบข้อกล่าวอ้างแพร่กระจายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ระบุว่าเชื้อไวรัสเอ็มพ็อกซ์ที่ระบาดในระลอกล่าสุดนี้ แท้จริงแล้วคืออาการงูสวัดที่เป็นผลข้างเคียงจากการฉีดวัตซีนป้องกันโควิด-19 โพสต์บนโซเชียลมีเดีย เมื่อเร็วๆ นี้ มีผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายรายได้โพสต์ข้อความที่อ้างว่าไวรัสเอ็มพ็อกซ์ หรือชื่อเดิมคือฝีดาษลิง นั้นคือโรคงูสวัดที่เป็นผลข้างเคียงมาจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยข้อความดังกล่าวมีการแพร่กระจายอย่างกว้างขวางทั้งบนแพลตฟอร์ม Facebook และ X Source | Archive Source | Archive Source | Archive Source | Archive ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทีมงาน Fact Crescendo ได้ติดต่อไปยังสำนักงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในประเทศไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยสำนักงานของ WHO ได้ชี้แจงว่า: “การระบาดของไวรัสเอ็มพ็อกซ์ในระลอกล่าสุดไม่ได้เกิดจากโรคงูสวัดหรือผลข้างเคียงของวัคซีนโควิด-19 เอ็มพ็อกซ์เป็นโรคที่เกิดจากไวรัส Monkeypox virus ซึ่งเป็นสปีชีส์หนึ่งในสกุล Orthopoxvirus […]

Continue Reading

ข้อกล่าวอ้างว่าวัคซีน mRNA ทำให้เกิดแท่งสีขาวในร่างกาย “เป็นข้อมูลผิด”

ในปัจจุบัน ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วบนโซเชียลมีเดียและสร้างความกังวลและความสับสนให้ผู้คนได้ โดยล่าสุด เราพบข้อกล่าวอ้างที่ระบุว่าพบแท่งย้วยสีขาวในผู้รับวัคซีนโควิดชนิด mRNA โดยประเด็นดังกล่าวได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ข้อกล่าวอ้างบนโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ระบุว่า มีงานวิจัยค้นพบแท่งย้วยสีขาว (White clot) คล้ายหนวดปลาหมึก ทั้งจากคนที่ยังมีชีวิตอยู่และเสียชีวิตจากวัคซีนโควิด ที่มา | ลิงก์ถาวร โดยข้อมูลดังกล่าวได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยมีการเผยแพร่จากสำนักข่าวต่างๆ (เช่น ที่นี่ และที่นี่) รวมถึงมีการแชร์ต่อบนแพลตฟอร์มอื่นๆ อีกด้วย ที่มา | ลิงก์ถาวร ที่มา | ลิงก์ถาวร แถลงการณ์จากสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงในกรณีลิ่มเลือดสีขาวและวัคซีนโควิดชนิด mRNA ระบุว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่และส่งต่อข้อมูลเกี่ยวกับการพบสิ่งแปลกปลอมซึ่งมีลักษณะเป็นลิ่มเลือดสีขาว (White clot) ในหลอดเลือดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 และระบุว่าสามารถพบสิ่งแปลกปลอมนี้ได้ในผู้ที่ยังมีชีวิตที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในวงกว้าง สถาบันวัคซีนแห่งชาติและภาคีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญไม่ได้นิ่งนอนใจกับประเด็นกังวลดังกล่าว จึงได้ประสานไปยังแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ […]

Continue Reading

กระทรวงสาธารณสุขชี้แจง งานวิจัยว่าเข็มกระตุ้นเพิ่มความเสี่ยงติดโควิด ยังขาดความน่าเชื่อถือและใช้ในไทยไม่ได้

จากที่เพจ Center for Medical Genomics ได้แชร์งานวิจัยของ Dr. Nabin K Shrestha และทีมวิจัยแผนกโรคติดเชื้อจากคลีฟแลนด์คลินิก ที่แสดงผลวิจัยว่า ความเสี่ยงของการติดเชื้อโควิด-19 กลับมีการแปรผันตรงตามจำนวนครั้งหรือโดสของการฉีดวัคซีน (mRNA) กล่าวคือ หากได้รับวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอจำนวนมากก่อนหน้านี้ ความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ก็จะยิ่งสูงขึ้น ผู้ที่ได้รับวัคซีนตั้งแต่ 3 โดสขึ้นไปจะมี “ความเสี่ยง” ในการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 6 เท่าเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน โดยโพสต์ดังกล่าวก็ได้รับการแชร์ต่ออย่างกว้างขวาง รวมถึงมีการเผยแพร่ในเว็บไซต์ต่างๆ อีกด้วย Source | Archive Fact Crescendo ได้ตรวจสอบบทความดังกล่าวและพบว่างานวิจัยที่มีการอ้างอิงในบทความนั้นเป็นงานวิจัยที่ยังไม่ได้รับตีพิมพ์และยังไม่ผ่านการตรวจสอบ และในงานวิจัยดังกล่าวยังระบุไว้ว่างานวิจัยชิ้นดังกล่าวเป็นผลการวิจัยที่ทำขึ้นใหม่ และยังไม่ได้มีการประเมินอย่างเป็นทางการ จึงไม่ควรนำมาใช้เป็นแนวทางในการรักษา แถลงการณ์จากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับบทความข้างต้นว่า ข้อมูลวิจัยจากสหรัฐฯ เรื่องรับวัคซีน mRNA หลายครั้ง เพิ่มความเสี่ยงติดโควิด-19 ยังขาดความน่าเชื่อถือ ยังไม่ถูกยอมรับให้เผยแพร่ ขาดการวิเคราะห์และสรุปข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้านระบาดวิทยา พฤติกรรมเสี่ยงและการป้องกันโรคที่มีผลต่อการติดเชื้อ ที่สำคัญไม่สามารถนำมาใช้กับประเทศไทยได้ เนื่องจากสถานการณ์และมาตรการต่างกัน ย้ำฉีดวัคซีนอย่างน้อย 4 […]

Continue Reading

ข่าวอย. สหรัฐฯ และไฟเซอร์แพ้คดีไม่เป็นความจริง

จากที่มีการแชร์ข้อความเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนไฟเซอร์ โดยข้อความดังกล่าวอ้างว่า อย. สหรัฐฯ และบริษัทไฟเซอร์แพ้คดี และไฟเซอร์ถูกบังคับให้เปิดเผยผลข้างเคียงของวัคซีน โดยข้อความดังกล่าวถูกแชร์ออกไปอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเฟซบุ๊กและไลน์  Facebook Post | Archive  มีการแชร์ต่อข้อความดังกล่าวออกไปอย่างแพร่หลายบนเฟซบุ๊ก ทาง Fact Crescendo ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และพบว่าข้อมูลดังกล่าวชวนให้เข้าใจผิด โดยทางกรมควบคุมโรค กรมสาธารณสุขก็ได้ออกประกาศเตือนไม่ให้หลงเชื่อข้อมูลดังกล่าวบนเว็บไซต์ของทางองค์กรด้วยเช่นกัน (ที่มา: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข) คำกล่าวอ้าง ข้อความดังกล่าวได้ระบุว่าคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ รวมถึงบริษัทไฟเซอร์แพ้คดี ศาลจึงสั่งให้ออกมาเปิดเผยเอกสารที่แสดงข้อมูลผลข้างเคียงจากวัคซีน ตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อทาง Fact Crescendo พบเห็นข้อความดังกล่าวที่มีการแชร์อย่างแพร่หลายในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ จึงทำการตรวจสอบข้อมูลโดยการค้นหาข้อมูลยืนยันจากคีย์เวิร์ดภายในข้อความ และได้พบว่าข้อความดังกล่าวมีการแชร์อย่างแพร่หลายมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 และได้รับการยืนยันแล้วว่าไม่เป็นความจริงโดยกรมควบคุมโรคตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวยังมีการแชร์อยู่บ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา ทาง Fact Crescendo จึงต้องดำเนินการตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่อาจพบเห็นและกังวลเกี่ยวกับข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยกรมควบคุมโรคได้ระบุว่า “รายงานเฝ้าระวังดังกล่าวนั้นไม่ได้มีการปิดบังหรือถูกศาลสั่งให้เปิดเผยแต่อย่างใด เพราะมีการเผยแพร่ให้สาธารณะทราบเป็นระยะอยู่แล้ว โดยทาง US FDA จะมีการตรวจสอบว่าอาการต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน” นอกจากนี้ ยังมีการยืนยันจาก […]

Continue Reading