Archives

ตรวจสอบข้อเท็จจริงประเด็นความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2568 สถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดพระวิหารและช่องบก จ.อุบลราชธานี ได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อและประชาชนทั้งสองประเทศ เนื่องจากมีการกล่าวอ้างที่เกี่ยวข้องกับการใช้โดรนและเหตุการณ์ทางการเมืองที่อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ข้อกล่าวอ้างที่ 1: ไทยส่งโดรนรุกล้ำเขตกัมพูชาเพื่อสอดแนม สื่อกัมพูชาหลายแห่ง รวมถึงสำนักข่าว Khmer Times รายงานเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2568 ว่า ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่ในจังหวัดพระวิหาร สามารถสกัดกั้นโดรนที่บินรุกล้ำน่านฟ้าประเทศเพื่อวัตถุประสงค์ในการลาดตระเวน โดยอ้างว่าโดรนดังกล่าวถูกส่งมาจากกองทัพไทยเพื่อสอดแนมการเคลื่อนไหวของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ของกัมพูชาในพื้นที่แนวหน้าชายแดน ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา ที่มา | ลิงก์ถาวร ที่มา | ลิงก์ถาวร ข้อกล่าวอ้างที่ 2: คลิป ฮุน เซน ลูบหัว ภูมิธรรม มีกระแสข่าวบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับภาพหรือคลิปที่อ้างว่าแสดงให้เห็นสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานวุฒิสภากัมพูชา “ลูบหัว” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย ซึ่งถูกตีความว่าเป็นท่าทีที่แสดงถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ใกล้ชิดหรืออาจถูกใช้เพื่อสร้างความเข้าใจผิดในบริบททางการเมือง โดยเฉพาะในช่วงที่ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชามีความตึงเครียดจากเหตุการณ์ชายแดน ที่มา | ลิงก์ถาวร ที่มา | ลิงก์ถาวร ตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อกล่าวอ้างที่ 1: พล.ต.วินธัย […]

Continue Reading

จริงหรือไม่: จีนแบนทุเรียนทั้งหมดจากเวียดนาม เนื่องจากพบสารก่อมะเร็ง

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา บนโซเชียลมีเดียได้มีการส่งต่อข้อความเตือนภัยเกี่ยวกับความปลอดภัยของทุเรียนเวียดนาม โดยเฉพาะทุเรียนที่ถูกแกะเปลือกพร้อมบรรจุขายง โดยระบุว่าห้ามซื้อทุเรียนแบบแกะเปลือกจากเวียดนาม เพราะพบสารก่อมะเร็ง สร้างความกังวลให้แก่ผู้ใช้โซเชียลจำนวนมาก โพสต์บนโซเชียลมีเดีย มีผู้ใช้โซเชียลมีเดียได้โพสต์ข้อความว่า “ห้ามซื้อทุเรียนแกะเปลือกที่นำเข้าจากเวียดนาม เพราะถูกแบนจากจีน หลังตรวจพบสารก่อมะเร็งชนิดร้ายแรง” โดยโพสต์ข้อความดังกล่าวมีการแชร์กว่าสองหมื่นครั้ง และแพร่กระจายอย่างเป็นวงกว้าง ที่มา | ลิงก์ถาวร ตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสารปนเปื้อนและมาตรการของจีน กระแสข่าวที่อ้างว่า “จีนแบนทุเรียนเวียดนามเพราะพบสารก่อมะเร็งชนิดร้ายแรง” นั้น สร้างความวิตกให้กับผู้บริโภคจำนวนมากในไทย โดยเฉพาะในช่วงที่ทุเรียนกลายเป็นผลไม้ยอดนิยมตามฤดูกาล แต่เมื่อตรวจสอบจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ พบว่าความจริงมีความซับซ้อนและไม่ใช่การ “แบน” แบบเบ็ดเสร็จอย่างที่กล่าวอ้าง ในความเป็นจริง จีนได้ยกระดับการตรวจสอบทุเรียนนำเข้าจากทุกประเทศตั้งแต่ต้นปี 2568 โดยกำหนดให้ทุกล็อตสินค้าต้องมีใบรับรองการตรวจวิเคราะห์สารตกค้าง ซึ่งรวมถึงสาร Basic Yellow 2 (BY2) สีย้อมอุตสาหกรรมที่ห้ามใช้ในอาหาร, แคดเมียม (Cadmium) ซึ่งเป็นโลหะหนักที่อาจสะสมในร่างกาย และ Auramine O หรือ Yellow O ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม “อาจก่อมะเร็งในมนุษย์” (Group 2B) ตามการจัดอันดับของ IARC อย่างไรก็ตาม สารเหล่านี้ไม่ได้รับการจัดว่าเป็น “สารก่อมะเร็งชนิดร้ายแรง” […]

Continue Reading

ข้อความไวรัลว่าโควิด-19 เกิดจากแบคทีเรีย “เป็นข้อมูลเท็จ”

เมื่อเร็วๆ มีข้อความที่กำลังแพร่กระจายในโซเชียลมีเดียโดยที่อ้างว่าสิงคโปร์ค้นพบว่าโควิด-19 เกิดจากแบคทีเรียไม่ใช่ไวรัส ซึ่งยังอ้างว่าสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากโควิด-19 นั้นมาจากลิ่มเลือดอุดตัน เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่าน ข้อความนี้ก็กลับมาแพร่กระจายอย่างกว้างขวางอีกครั้ง โพสต์บนโซเชียลมีเดีย มีข้อความหนึ่งแพร่กระจายบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับ COVID-19 ที่อ้างว่า แพทย์ในสิงคโปร์ค้นพบว่าองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้วางแผนสมคบคิดเพื่อหลอกลวงผู้คนเกี่ยวกับโรคนี้และแนวทางการรักษา ข้อความยังอ้างเพิ่มเติมว่า กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ได้ค้นพบวิธีรักษาไวรัสแล้ว และยังอ้างอีกว่า ไวรัสโคโรนาไม่ใช่ไวรัส แต่เป็นแบคทีเรีย และสามารถรักษาโควิดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ นอกจากนี้ยังกล่าวว่า สาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากโควิดคือการเกิดลิ่มเลือด (thrombosis) หรือภาวะเลือดแข็งตัวในหลอดเลือด ข้อความยังระบุอีกว่า ไม่จำเป็นต้องใช้ห้อง ICU หรือเครื่องช่วยหายใจในการรักษาผู้ป่วยโควิด และกล่าวว่ากระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ได้เปลี่ยนแนวทางการรักษา โดยให้ผู้ป่วยโควิดรับประทานแอสไพริน ที่มา | ลิงก์ถาวร ตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบพบว่า ข้อความดังกล่าวเป็นข้อความเท็จที่มีการแพร่กระจายมาตั้งแต่ปี 2021 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรัฐบาลสิงคโปร์ก็ได้ออกมาชี้แจงในกรณีดังกล่าวแล้ว และ Fact Crescendo ได้ตรวจสอบข้อกล่าวอ้างนี้ในเวอร์ชั้นภาษาอังกฤษที่แพร่กระจายเมื่อปี 2021 ไว้ที่นี่ ข้อกล่าวอ้างที่ 1: สิงคโปร์ทำการชันสูตรศพผู้เสียชีวิตจากโควิด กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ได้ชี้แจงผ่านเพจ Facebook อย่างเป็นทางการว่า ประเทศไม่ได้ทำการชันสูตรศพผู้เสียชีวิตจากโควิดเลย และข้อมูลที่อยู่ในข้อความดังกล่าวไม่มีมูลความจริงทางวิทยาศาสตร์ โพสต์บน Facebook […]

Continue Reading

เตือนภัย มิจฉาชีพรูปแบบใหม่ แอบอ้างเป็นร้านรับซื้อเสื้อผ้ามือสอง

ในช่วงที่ธุรกิจออนไลน์ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการซื้อขายเสื้อผ้ามือสองที่กำลังเป็นที่นิยม มีมิจฉาชีพรูปแบบใหม่ที่อาศัยช่องทางนี้หลอกลวงเหยื่ออย่างแยบยล จนสร้างความเสียหายให้กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์และผู้ที่สนใจขายเสื้อผ้ามือสองเป็นจำนวนมาก โพสต์บนโซเชียลมีเดีย มีผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายรายได้ออกมาโพสต์สอบถามและเตือนภัยเกี่ยวกับเพจที่แอบอ้างว่ารับซื้อเสื้อผ้ามือสอง และหลอกให้เหยื่อแอดไลน์และสมัครสมาชิก ก่อนจะใช้กลโกงหลอกล่อให้โอนเงินลงทะเบียน ที่มา | ลิงก์ถาวร ที่มา | ลิงก์ถาวร ตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อเราทำการค้นหาเพิ่มเติม เราพบโพสต์ของร้านรับซื้อเสื้อผ้ามือสองร้านหนึ่ง ที่ออกมาชี้แจงว่า ร้านของตนถูกขโมยภาพและนำไปแอบอ้างโดยเพจรับขายเสื้อผ้าอื่นๆ ที่มา | ลิงก์ถาวร เราได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยการดูรายละเอียดเพิ่มเติมของเพจที่น่าสงสัยดังกล่าว และพบจุดที่น่าสงสัย ดังนี้ เว็บไซต์ที่ระบุในเพจนั้นไม่มีอยู่จริง โดยโดเมนเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นโดเมนที่ยังไม่มีการเปิดใช้งาน เมื่อตรวจสอบที่ส่วน “Page Transparency” พบว่าเพจไม่มีผู้ดูแลในประเทศไทย รวมถึงเพจเพิ่งมีการเปลี่ยนชื่อเมื่อต้นปีที่ผ่านมา รูปแบบการหลอกลวง มิจฉาชีพมักสร้างหน้าเพจหรือกลุ่มแชทเสมือนจริง โดยอ้างว่าเป็นร้านรับซื้อเสื้อผ้ามือสอง พร้อมเสนอซื้อสินค้าแบบเหมาจำนวนมาก เพื่อดึงดูดให้เหยื่อสนใจ จากนั้นจะชักชวนให้เหยื่อเข้าร่วมกลุ่ม Open Chat หรือกลุ่มลับ เพื่อลงขายสินค้าเองภายในกลุ่ม เมื่อเหยื่อหลงเชื่อและลงขายสินค้าในกลุ่ม จะมีทีมหน้าม้าทักมาขอซื้อสินค้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดให้เหยื่อเชื่อมั่นมากขึ้น ขั้นตอนต่อไป มิจฉาชีพจะขอรหัสร้านค้าจากเหยื่อ โดยอ้างว่าเป็นขั้นตอนจำเป็นในการสั่งซื้อ พร้อมแนะให้เหยื่อลงทะเบียนกับแอดมินกลุ่มเพื่อขอรหัส โดยต้องจ่ายค่าลงทะเบียนหลักร้อย และยืนยันว่าสามารถถอนเงินออกได้ในภายหลัง อย่างไรก็ตาม เมื่อเหยื่อโอนเงินเข้าไปแล้ว จะพบว่ามีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น […]

Continue Reading

ข้อความว่า “อาจารย์หมอประสิทธิ์ออกประกาศให้ล็อกดาวน์ตัวเอง” เป็นข้อมูลเท็จ

ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 ที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มกลับมาน่ากังวล มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งตามรายงานจากกระทรวงสาธารณสุขและสื่อมวลชน (ที่มา) ผู้คนจำนวนมากเริ่มกลับมาระมัดระวังและหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีป้องกันตัวเองจากไวรัส ท่ามกลางความวิตกนี้ ได้มีข้อความ “เตือนภัย” ที่อ้างว่ามีการออกประกาศให้ล็อกดาวน์ กลับมาแพร่กระจายอย่างรวดเร็วอีกครั้งในแอปพลิเคชัน LINE และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ โพสต์บนโซเชียลมีเดีย เราได้รับเบาะแสผ่านทาง LINE ตรวจสอบข้อเท็จจริงของ Fact Crescendo Thailand เกี่ยวกับข้อความที่มีการส่งต่อกันอย่างกว้างขวางบนแพลตฟอร์ม LINE อ้างว่า “พยาบาลศิริราชส่งไลน์มา” และ “อาจารย์หมอประสิทธิ์ออกประกาศให้ล็อกดาวน์ครอบครัวตัวเอง” พบข้อความน่าสงสัย? ส่งมาให้เราตรวจสอบได้ที่ LINE ตรวจสอบข้อเท็จจริงของเรา โดยเมื่อตรวจสอบเพิ่มเติม เราพบว่าข้อความดังกล่าวมีการแชร์ต่ออย่างกว้างขวางบน Facebook เมื่อเร็วๆ นี้ด้วยเช่นกัน ที่มา | ลิงก์ถาวร ตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อความที่อ้างว่า “หมอประสิทธิ์ ศิริราช” เตือนให้ “ล็อกดาวน์ครอบครัวตัวเอง” จากการตรวจสอบ เราพบว่า ข้อความดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จที่มีการแพร่กระจายมาตั้งแต่ปี 2564 โดยโรงพยาบาลศิริราชได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงไว้ ระบุว่า: “ตามที่มีการแชร์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง หมอประสิทธิ์ คณบดีศิริราช […]

Continue Reading

SCB จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมการโอน 5 บาท จริงหรือ?

ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์หลายช่องทาง อ้างว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมการโอนเงิน 5 บาทต่อรายการ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ทำให้ประชาชนจำนวนมากเกิดความกังวลใจว่าอาจต้องเสียค่าธรรมเนียมในการโอนเงินผ่านแอป SCB EASY ซึ่งเป็นบริการที่ผู้ใช้จำนวนมากนิยมใช้ในการทำธุรกรรมประจำวัน โพสต์บนโซเชียลมีเดีย เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการแชร์ข้อความบนโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวางว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมการโอนเงิน 5 บาทต่อรายการ เมื่อทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร (SCB EASY) ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน เป็นต้นไป ข้อความดังกล่าวสร้างความสับสนอย่างมากในโลกออนไลน์ โดยมีผู้แชร์ต่อพร้อมแสดงความคิดเห็นเชิงไม่พอใจต่อธนาคารจำนวนมาก ที่มา | ลิงก์ถาวร ที่มา | ลิงก์ถาวร ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ SCB ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของทางธนาคารเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2568 โดยชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวไว้ดังนี้ ค่าธรรมเนียมที่เป็นประเด็น: ค่าธรรมเนียมโอนเงิน 5 บาทต่อรายการนั้น มีผลเฉพาะลูกค้านิติบุคคลรายใหม่ ที่สมัครใช้บริการ SCB […]

Continue Reading

จริงหรือไม่: ดื่มชาเขียวพร้อมกับนมวัวทำให้ดูดซึมแคลเซียมไม่ได้และทำลายสารต้านอนุมูลอิสระ?

ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น การผสมผสานเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างชาเขียวก็กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น แต่มีข้อถกเถียงในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับผลกระทบต่อคุณค่าทางโภชนาการในการดื่มชาเขียวใส่นมวัว ว่าจะทำลายคุณประโยชน์ในชาเขียวและทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมไม่ได้ โพสต์บนโซเชียลมีเดีย ในสื่อออนไลน์มีการแชร์ข้อมูลว่าการดื่มชาเขียวพร้อมกับนมวัวจะทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมจากนมไม่ได้ และทำลายคุณค่าของสารต้านอนุมูลอิสระ (catechins) ในชาเขียว Source | Archive Source | Archive ตรวจสอบข้อเท็จจริง ผลการวิจัยเกี่ยวกับสารต้านอนุมูลอิสระ (Catechins) งานวิจัยพบว่า ชาเขียวมีสารกลุ่ม catechins ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญ ส่วนนมวัวมีโปรตีนหลักคือ เคซีน (casein) ที่อาจไปจับกับสาร polyphenols ในชาได้ โดยการจับตัวกันนี้สามารถเปลี่ยนคุณสมบัติของสารและโปรตีนได้ วารสารงานวิจัยของ EFSA ชี้ให้เห็นว่า catechins ในชาเขียวสามารถจับกับโปรตีนในนม (เคซีน) ซึ่งอาจทำให้สาร catechin ที่อยู่ในรูป “อิสระ” ลดลงได้ นอกจากนี้ งานวิจัยใน Food Research International (2020) ชี้ว่า เมื่อเติมนมลงในชาเขียว ปริมาณ catechins ที่เข้าสู่ระบบและความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระโดยรวมอาจลดลงบ้าง เมื่อมีการจับกับโปรตีน โดยระบุว่า การทำฏิกิริยาระหว่าง catechins กับโปรตีนในนมทำให้ปริมาณ catechins ที่พร้อมดูดซึมได้และการต้านอนุมูลอิสระของ “เครื่องดื่มชานม” ลดลง เมื่อจำลองการย่อยในกระเพาะและลำไส้ อย่างไรก็ตาม […]

Continue Reading

กด 1 หรือ 2 ตอบ SMS แล้วเงินจะถูกดูดออกจากบัญชี จริงหรือไม่?

เมื่อเร็วๆ นี้ มีการแชร์ข้อความว่ามี SMS สอบถามเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่เมื่อตอบกลับ SMS ด้วยการกดเลข “1” หรือ “2” จะทำให้ถูกดูดเงินในบัญชี โพสต์บนโซเชียลมีเดีย มีข้อความแพร่กระจายทั้งบนแพลตฟอร์ม LINE และ Facebook ที่ระบุว่า เมื่อตอบกลับข้อความ SMS สอบถามการฉีดวัคซีนโควิด 19 จะถูกดูดเงินออกจากบัญชีธนาคาร โดยมีเนื้อหาดังนี้: “เตือนให้ระวัง !!! ที่เมืองจีนโดนแล้ว จะมีข้อความถามว่า คุณได้รับการฉีดวัคซีน”โควิด19″หรือยัง ได้รับแล้วโปรดกด “1” ยังไม่ได้ฉีดโปรดกด “2” เกือบทุกคนก็จะกด “1” ก็จะโดนดูดเงินออกจากบัญชี เมืองไทยกำลังจะมา..หากมีข้อความทำนองนี้ส่งเข้าไปในโทรศัพท์ของท่าน ก็ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น..ลบทิ้งลูกเดียว ผู้ที่ลบเองไม่เป็น..รีบให้ลูกหลานลบให้” ที่มา | ลิงก์ถาวร ตรวจสอบข้อเท็จจริง มี SMS ลักษณะดังกล่าวระบาดที่จีนจริงหรือไม่? จากการตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ เราไม่พบรายงานข่าวเกี่ยวกับข้อความสอบถามเกี่ยวกับการรับวัคซีนโควิด-19 ที่เมื่อตอบกลับแล้วจะทำการแฮ็กข้อมูลหรือดูดเงินออกจากบัญชีธนาคารได้ อย่างไรก็ตาม ในปี 2022 สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง […]

Continue Reading

71% ของสินค้าบน Amazon มาจากจีน จริงหรือไม่?

เมื่อไม่นานมานี้ มีข้อกล่าวอ้างที่กำลังได้รับความสนใจ ที่ระบุว่า “71% ของสินค้าบน Amazon มาจากจีน” พร้อมกราฟประกอบ ทำให้ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวได้รับความสนใจและแชร์ต่ออย่างรวดเร็วบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โพสต์บนโซเชียลมีเดีย โพสต์ไวรัลที่แพร่หลายบนโลกออนไลน์แสดงข้อความว่า “71% ของสินค้าบน Amazon มาจากจีน” โดยแนบกราฟชื่อว่า “Made in China, Sold on Amazon” ซึ่งอ้างอิงจาก Jungle Scout ผ่าน ECDB (2024) และเผยแพร่โดย Statista ที่มา | ลิงก์ถาวร กราฟที่นำเสนอปรากฏข้อมูลว่า จีนครองตลาด Amazon ด้วยสัดส่วน 71% ของสินค้า อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่าเมื่อรวมเปอร์เซ็นต์จากทุกประเทศในกราฟ จะได้ผลรวมถึง 162% ซึ่งการแสดงเปอร์เซ็นต์ที่ถูกต้องควรรวมกันได้ 100% เท่านั้น ชี้ให้เห็นว่ามีความคลาดเคลื่อนในการตีความข้อมูล ตรวจสอบข้อเท็จจริง วิธีการเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์ กราฟนี้มีที่มาจาก Jungle Scout ผ่าน ECDB (2024) […]

Continue Reading

วิดีโออ้างว่าตึกถล่มจากแผ่นดินไหวในเชียงใหม่วันที่ 21 เม.ย. ไม่เป็นความจริง

ในช่วงวันที่ 21 เมษายน 2568 ได้มีการแพร่กระจายวิดีโอที่อ้างว่าเป็นเหตุการณ์ตึกถล่มจากแผ่นดินไหวครั้งล่าสุดในจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมข้อความระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด พบว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงและอาจสร้างความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชน โพสต์บนโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา ผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายรายได้แชร์วิดีโอตึกถล่ม พร้อมข้อความว่า เกิดเหตุตึกถล่มขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 เมษายน ที่มา | ลิงก์ถาวร โดยวิดีโอดังกล่าวมีการแชร์ต่ออย่างกว้างขวาง ตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบข้อมูล เราไม่พบรายงานใด ๆ ที่ยืนยันว่าเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงจนทำให้ตึกถล่มในจังหวัดเชียงใหม่เมื่อเร็ว ๆ นี้ แม้ว่าจะมีรายงานแผ่นดินไหวขนาดเล็กในประเทศไทย เช่น แผ่นดินไหวขนาด 1.9 แมกนิจูดที่ตำบลยั้งเมิน อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ และแผ่นดินไหวขนาด 1.6 ถึง 2.3 แมกนิจูดในพื้นที่ตำบลเวียงเหนือและตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ และไม่มีรายงานตึกถล่มตามที่วิดีโอดังกล่าวอ้างถึง จากการวิเคราะห์วิดีโอที่แพร่กระจาย พบว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นภาพจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและตึกถล่มที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 […]

Continue Reading